KOOL สู่อาหารเสริม.!?
เรียกว่า พอหนาวทียอดขายหาย...แต่พออากาศร้อนยอดขายโตกระฉุด..!! จึงถูกขนานนามว่า เป็นหุ้นที่เล่นได้แค่ฤดูเดียว คือฤดูร้อนเท่านั้น...
ถ้าพูดถึงหุ้นบริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL เป็นที่รู้กันว่า ก่อร่างสร้างตัวมาจากอุปกรณ์ทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นพัดลมไอเย็น พัดลมไอน้ำ และพัดลมอุตสาหกรรม ภายใต้ตราสินค้า MASTERKOOL และ Cooltop รวมถึงออกแบบและติดตั้งระบบระบายความร้อนและระบบโอโซน…
การที่ KOOL สามารถตอบโจทย์อากาศร้อนตับแตกของบ้านเราได้ดี โดยเจาะตลาดระดับกลาง-ล่าง สำหรับบางบ้านที่ไม่มีกำลังซื้อจะติดแอร์ได้ ทำให้ KOOL ก้าวมาเป็นผู้นำของตลาดนี้อยู่หลายปี…แต่ระยะหลังมานี้ มีคู่แข่งจากจีนเข้ามาแย่งตลาด ทำให้จากตลาดที่เคยเป็นทะเลสีคราม หรือบลูโอเชี่ยน ก็กลายมาเป็นทะเลสีเลือด หรือเรดโอเชี่ยนไปในบัดดล…
มิหนำซ้ำ ลูกค้าบางกลุ่มยังเกิดข้อกังขาเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ที่เกรงว่าหากใช้พัดลมไอเย็น หรือพัดลมไอน้ำไปนาน ๆ อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมา กลายเป็นภาพจำที่บั่นทอนการเติบโตของ KOOL มาโดยตลอด
เลยทำให้ผลประกอบการลุ่ม ๆ ดอน ๆ…ปี 2561 มีรายได้รวม 572 ล้านบาท ขาดทุน 108 ล้านบาท ส่วนปี 2562 มีรายได้รวม 712 ล้านบาท พลิกมามีกำไร 30 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 733 ล้านบาท พลิกมาขาดทุน 3 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 545 ล้านบาท ขาดทุน 21 ล้านบาท
เรียกว่า พอหนาวทียอดขายหาย…แต่พออากาศร้อนยอดขายโตกระฉูด..!! จึงถูกขนานนามว่า เป็นหุ้นที่เล่นได้แค่ฤดูเดียว คือฤดูร้อนเท่านั้น…
แม้ที่ผ่านมา KOOL พยายามเสาะแสวงหาธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเติมในพอร์ต เพื่อชดเชยธุรกิจเดิม…เริ่มจากแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ แต่ดูแล้วยังลำบาก ทำให้หุ้น KOOL มาเป็นพัก ๆ…
เลยเป็นที่มาของการขยับขยาย (อีกครั้ง) ซึ่งคราวนี้โฟกัสไปที่ธุรกิจอาหารเสริม และผลิตภัณฑ์กัญชา..!!
โดยมติบอร์ดเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2565 ไฟเขียวให้จัดตั้ง 2 บริษัทใหม่ ได้แก่ บริษัท เมตตะ ฟาร์มา จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดย KOOL ถือหุ้น 50.998% ส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยบุคคลอื่น เพื่อผลิตและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและอาหารเสริม
และบริษัท เรมีดี้ส เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดย KOOL ถือหุ้น 50.998% ส่วนที่เหลือถือหุ้นโดยบุคคลอื่น เพื่อปลูกพืชกัญชา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชา
จุดที่น่าสนใจของการขยับขยายครั้งนี้ 1) ธุรกิจเพื่อสุขภาพและอาหารเสริมเป็นเมกะเทรนด์ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก จากการที่คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจกัญชาก็กำลังเป็นเทรนด์อยู่ในขณะนี้
และ 2) ทั้งสองธุรกิจไม่จำเป็นต้องทุ่มงบสร้างโรงงานผลิตให้ยุ่งยาก สามารถใช้วิธีไปว่าจ้างโรงงานอื่นผลิตสินค้าให้ได้ ทำให้บริหารจัดการต้นทุนได้ง่ายขึ้น
ซึ่งถ้าทั้งสองธุรกิจนี้ไปได้ดี ก็คงมีมาร์จิ้นที่ดี น่าจะช่วยชดเชยผลประกอบการของ KOOL ได้ไม่มากก็น้อย
ส่วนการแตกไลน์แบบหัวกลับของ KOOL จะซัคเซสแค่ไหน..? ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
แต่ที่เห็นช่วงนี้หุ้น KOOL วิ่งร้อนแรงผิดหูผิดตา น่าจะอยู่ในช่วงโปรฯ วิ่งรับงบสวยละมั้ง หลังจากไตรมาส 2 โชว์กำไรสุทธิ 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1 ล้านบาท และทำให้ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกปี 2565 มีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 7 ล้านบาท
ทำให้ปีนี้ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง ก็น่าจะเห็นการเทิร์นอะราวด์..!??
แต่ถ้าไม่…คงต้องตะโกนดัง ๆ ว่า โกยเถอะโยม..!!
…อิ อิ อิ…