หมดรอบ..ขายทิ้ง?

หากเม้าท์มอยถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ “โมนิก้า” ก็มีคำอธิบายจากกูรูหลายสำนักนำมาบอกเล่า แต่เผอิญเดี๊ยนไม่ค่อยชอบเม้าท์เรื่องอย่างว่า


หากเม้าท์มอยถึงสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ “โมนิก้า” ก็มีคำอธิบายจากกูรูหลายสำนักนำมาบอกเล่า แต่เผอิญเดี๊ยนไม่ค่อยชอบเม้าท์เรื่องอย่างว่า เพราะมันไม่มันในอารมณ์ แถมไม่ได้รสชาติของชีวิต จึงขอนำแฟนคลับกลับมาสู่โลกของความเป็นจริง เพื่อเตรียมพร้อมในการเล่นรอบที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ หลังผู้คนในตลาดหุ้นยังใช้แนวทางเดิม ๆ ในการลงทุนแรงน่ะซี

วันนี้ “โมนิก้า” ยังยืนยันคำเดิม แนวทางเดิม ว่า วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้น เพราะการเด้งขึ้นของตลาดหุ้นไทยที่เกิดขึ้นในคราวนี้ มันเป็นผลมาจากวันก่อน ๆ หุ้นไทยลงแรงเกินไป จึงมีแรงซื้อกลับมาช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่แฟนคลับได้พบเห็นเป็นประจำ และวันนี้ก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่า V-Shape เป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยาย หลังดัชนีทำท่าหมดแรงตรงยอดเดิม 1,650 จุด ผสมผสานกับดัชนีปิดได้แค่ระดับ 1,631.55 จุด ลบไป 2.02 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.26 หมื่นล้านบาท เลยทำให้คิดเช่นนั้นนะคะ

ด้วยเหตุนี้ถึงไม่ต้องถามถึงตัวแปรอื่น ๆ ให้เสียเวลาทำมาหากิน เพราะแค่มองจากพฤติกรรมการเล่นที่เห็นกันเป็นประจำ ก็รู้ได้ทันทีว่า ยังมีอะไรให้ลุ้นระทึกเยอะพอสมควร บวกกับข้อมูลบางอย่างที่ยังแทงกั๊กอยู่ร่ำไป “โมนิก้า” ถือเป็นที่นักลงทุนควรรับรู้กันอย่างทั่วถึง เพื่อจะได้มองปลายทางมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง? เพราะที่ผ่านมา “ความเชื่อ” กับ “ความจริง” เดินสวนทางกันเป็นประจำน่ะซี

เหมือนกับในรายของ BANPU ก่อนหน้านี้เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ราวกับเป็นหุ้นน้องใหม่ “โมนิก้า” ถือเป็นแค่กิมมิคที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะให้ขาด เพราะแรงขายที่เกิดขึ้นวานนี้ทำให้รู้ว่า ไฮเดิมที่บริเวณ 14.90 บาทยังเป็นด่านหินที่ยากจะฝ่าไปได้ ผสานกับสัญญาณเทคนิคบางตัวเริ่มไม่ไปในทางเดียวกัน ส่งผลให้หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 14.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.70 พันล้านบาท ย่อมตีความได้ว่า หุ้นน่าจะจบรอบนะคะ

สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับ DELTA ซึ่งวันก่อนเม้าท์ให้ฟังว่า คุ้มกับความเสี่ยงจริงไหม? หลังหุ้นพุ่งขึ้นแรง แล้วทรุดฮวบทันที และทำท่าเหมืองมีแรงฮึดอีกรอบ แต่สุดท้ายทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 554 บาท ลบไป 26 บาท หรือลงไป 4.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท มันทำให้หุ้นตัวนี้น่ากลัวขึ้นมาทันที และต้องลุ้นเฮือกใหญ่ว่า โลว์เดิมที่เคยรับหุ้นไว้บริเวณ 544 บาทจะเอาอยู่ไหมจ๊ะ

ส่วนในรายของ PTTEP อาศัยแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นแรงผลัก หุ้นถึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 168 บาท บวกไป 7 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.07 พันล้านบาท ถึงกระนั้นถ้ามองให้ลึกซึ้งกว่าเดิมจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้มีดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว “โมนิก้า” จึงไม่จำเป็นต้องไปโปรโมทอะไรให้มากความ แต่ต้องเอ่ยถึงเพราะโอกาสผ่านยอดเดิมที่บริเวณ 178 บาทมันค่อนข้างริบหรี่ไงละคะ

ส่วนหุ้นที่อยู่ในขาลงเป็นเวลานานอย่าง SCC กลายเป็นหุ้นที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการวอรี่หลายครั้งด้วยกัน วันนี้ถึงไม่อยากจะออกตัวอะไรมากมายกว่าที่เป็นอยู่ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการซึมลงต่อเนื่อง จากยอดครั้งล่าสุดที่ทำไว้แถว 382 บาท จนสัญญาณเทคนิคปักหัวลงหมดทุกตัวแบบนี้..มันน่ากลัวขนาดไหน ก็ลองไปคิดดูกันเอง หลังหุ้นลงมายืนปิดที่ 359 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 0.55 % ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.09 ล้านบาทแล้วน่ะซี

เหมือนกับในรายของ SAWAD หากดูอย่างผิวเผินย่อมตีความว่า การทะยานขึ้นมาปิดที่ 49.75 บาท บวกไป 0.25บาท หรือขึ้นไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 287 ล้านบาท คงเป็นการไต่เพดานแบบพื้น ๆ  แต่ถ้าเจาะลึกลงไปอีกนิดหน่อยจะเห็นว่า หุ้นอยู่ในช่วงแกว่งตัวสร้างฐานบริเวณ 50 บาทประมาณหนึ่งเดือน “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงว่า หากหุ้นยืนระยะไม่ได้เหมือนที่คิด ก็คงต้องจรลีโดยด่วน..เชื่อหัวน้องโมเถอะค่ะ

Back to top button