พาราสาวะถี
เริ่มมีอะไรแปลก ๆ มาให้ได้ยินได้ฟังกันแล้วกับข่าวสารการเมืองในช่วงนี้ การที่มีคุณแหล่งข่าวอ้างเป็นระดับสูงใน กกต.
เริ่มมีอะไรแปลก ๆ มาให้ได้ยินได้ฟังกันแล้วกับข่าวสารการเมืองในช่วงนี้ การที่มีคุณแหล่งข่าวอ้างเป็นระดับสูงใน กกต. ออกมาเตือนว่าไม่อยากให้มีการยุบสภาในช่วงนี้เพราะร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญในการที่จะเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัตร 2 ใบ คือ ส.ส.เขต 400 คน และปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ตามที่รัฐธรรมนูญที่ได้มีการแก้ไขไปนั้น ยังไม่แล้วเสร็จ เกรงว่าหากยุบสภาก่อนที่กฎหมายลูกจะมีผลบังคับใช้ จะกลายเป็นความยุ่งยากทั้ง กกต.และพรรคการเมืองที่จะลงเลือกตั้งเอง
เหมือนเป็นการแตะเบรกหรือส่งสัญญาณเตือนไปยังรักษาการนายกรัฐมนตรีอย่างพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.โดยตรง รู้กันอยู่ว่าอำนาจในการยุบสภานั้นเป็นของผู้นำประเทศ แน่นอนว่า ถ้าเป็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ยืนกระต่ายขาเดียวยังไงก็จะอยู่ครบเทอมให้ได้ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่กับพี่ใหญ่ที่ในทางการเมืองเวลานี้ต้องยอมรับว่าต่อสายสัมพันธ์ไปกับทุกขั้วการเมือง ในฐานะหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจหากจะเดินบนถนนสายการเมืองต่อไป การไม่ตกขบวนพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ยี่ห้อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าขายไม่ได้อีกต่อไปแล้วสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะเดียวกัน เหตุผลที่ต้องใช้คุณแหล่งข่าวของ กกต.ส่งสัญญาณกันแรง ๆ แบบนี้ ทั้งที่ความจริงหากมีการยุบสภาโดยที่กฎหมายลูกยังไม่แล้วเสร็จ กกต.สามารถที่จะออกประกาศหรือระเบียบแทนได้ หรือออกเป็นพระราชกำหนดแทนก็ได้ การอ้างว่า “ไม่มีใครกล้า” เพราะจะเป็นการเอาชาติบ้านเมืองไปเสี่ยงด้วยนั้น เป็นภาษาที่คุ้น ๆ ยังไงชอบกล
ทำตัวเป็นเหมือนคณะกรรมการไม่อยากเลือกตั้ง เมื่อคราวม็อบนกหวีดชัตดาวน์ประเทศก่อนการรัฐประหาร 2557 ไปเสียนี่ หรือมันจะเป็นกงเกวียนกำเกวียนทางการเมือง สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด คือ หากพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ใช้อำนาจเต็มที่มียุบสภาจริง มันจะส่งผลต่อน้องเล็กของแก๊งที่จะต้องพ้นเก้าอี้ผู้นำประเทศไปโดยปริยายด้วย ส่วนประเด็นที่ว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาหรือไม่
เรื่องพวกนี้มันก็ล้วนแต่เป็นการคาดคะเนทั้งสิ้น หากเหตุการณ์อย่างหนึ่งอย่างใดเกิดขึ้นจริง ก็เชื่อว่าบ้านเมืองไม่ไร้ทางออกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลือกใช้วิธีการยุบสภาก็น่าจะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำ ที่จะทำให้ฝ่ายวินิจฉัยไม่ต้องหนักใจ และอาจจะเป็นการถางทางให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ลงจากหลังเสือโดยไม่ต้องฆ่าเสือเหมือนที่เคยประกาศไว้อีกต่างหาก แต่ก็อีกนั่นแหละ ขบวนการสืบทอดอำนาจอุตส่าห์วางแผนกันไว้ดิบดีจะให้มาตายน้ำตื้นแบบนี้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ทางการข่าวแม้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเก็บตัว สงบปากสงบคำ ทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพียงอย่างเดียว เพื่อรอเวลาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในทางการเมืองสำหรับพรรคการเมือง โดยเฉพาะซีกที่ร่วมรัฐบาลด้วยกัน มองแนวโน้มของสถานการณ์แล้ว โน้มเอียงไปในทางที่จะเกิดการเลือกตั้งก่อนเวลาอันควรชัวร์ สังเกตได้จากการเดินสายเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของสองพรรคร่วมสำคัญอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์
พรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล อย่างที่บอกมาแต่ต้นกำลังขึ้นหม้อ ด้วยกระสุนที่เตรียมการไว้อย่างเต็มที่ บวกกับผลงานโดยเฉพาะการได้คุมกระทรวงคมนาคม สามารถสร้างคะแนนนิยมผ่านถนน หนทาง ต่าง ๆ ได้เกือบครอบคลุมทั่วประเทศ แต่จะเน้นหนักไปพื้นที่ทางภาคอีสานเป็นด้านหลัก บวกกับภาคใต้ที่พ่วงเอาผลงานด้านการท่องเที่ยวของเจ้ากระทรวงอย่าง พิพัฒน์ รัชกิจประการ ในฐานะแม่ทัพดูแลพื้นที่ภาคใต้ของพรรคด้วย ทำให้คนใต้ให้การยอมรับมากขึ้น
ดังนั้น เสี่ยหนูจึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถเก็บเก้าอี้ ส.ส.ได้มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าระบบการเลือกตั้งจะออกมาในรูปแบบใดก็ตาม พื้นที่ภาคอีสานนั้นต้องวัดกับเพื่อไทย ซึ่งคงไม่ชนะแต่ก็จะได้ ส.ส.ในจำนวนที่น่าพอใจ บวกกับ ส.ส.ภาคใต้ที่คาดหมายว่าน่าจะได้มากกว่าครั้งที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากทั้งผลงาน การวางตัวผู้สมัคร และการที่มีแกนนำภาคระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถมยังเป็นเจ้าของบริษัทพลังงานอันดับต้น ๆ ของประเทศด้วย เรียกว่ามีตัวช่วยชั้นดีแบบนี้ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งไปครึ่งค่อนตัว
ประกอบกับพรรคประชาธิปัตย์ มีปัญหาเรื่องคัดเลือกตัวบุคคล หลายพื้นที่เกิดการทับซ้อนจนต้องแตกหัก การอ้างระบบพรรคเหมือนที่ผ่านมาไม่สามารถใช้ได้กับบริบททางการเมืองในปัจจุบันได้อีกต่อไป จึงเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ว่าจะนำพาคนของพรรคกลับมายิ่งใหญ่ได้อย่างไร ในขณะที่ในพื้นที่ กทม.ก็เป็นที่ยืนยันว่า อดีต ส.ส.หลายรายที่เคยร่วมหัวจมท้ายกันก่อนหน้าจะเปลี่ยนสีเสื้อกันจำนวนมาก เป้าหมายสำคัญก็คือร่วมชายคากับพรรคที่อ้างว่ารักกันมากอย่างภูมิใจไทยนั่นเอง
ส่วนพรรคสืบทอดอำนาจ ท่วงทำนองของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่ต่อสายหา ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นตัวบ่งชี้ว่าคิดอย่างไรกับสนามเลือกตั้ง กทม. ขณะที่ฝ่ายกองเชียร์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทำสงครามไอโอ กล่าวหาผู้ว่าฯ กทม.แบบไม่ลืมหูลืมตา แต่พี่ใหญ่กลับแสดงความรักใคร่ มีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันชนิดหน้ามือกับหลังเท้า นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงการอ่านทิศทางการเมืองในสนามเมืองหลวงของพี่ใหญ่ได้ขาดว่า คนกรุงเทพฯ มีความต้องการแบบไหน
จึงขึ้นอยู่กับท่าทีของลูกพรรคแล้วว่าจะสนองตอบต่อสัญญาณที่ถูกส่งไปเช่นนี้อย่างไร ส่วนพวกที่ยังแสดงตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็เป็นที่ชัดเจนเหมือนกันว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่ได้สวมสีเสื้อพรรคสืบทอดอำนาจในการลงสมัคร ส.ส. เพราะเตรียมตัวที่จะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่แล้ว เกมชิงไหวชิงพริบกันภายในพรรคสืบทอดอำนาจ และการประลองกำลังกันของพี่ใหญ่กับน้องรัก ยังคงดำเนินต่อไป ถ้าไม่ใช่เรื่องลับ ลวง พราง งานนี้ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระอักเลือดแน่นอน