มันนี่เกมสายโหด

วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้เห็นสภาพจิตใจของนักเล่นท้อถอยแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่สภาพตลาดหุ้นโดยรวมไม่ได้มีอะไรย่ำแย่กว่าที่ผ่านมา


วานนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ได้เห็นสภาพจิตใจของนักเล่นท้อถอยแบบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่สภาพตลาดหุ้นโดยรวมไม่ได้มีอะไรย่ำแย่กว่าที่ผ่านมา เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับทำตัวพลิ้วไหวดั่ง “สนต้องลม” เพื่อจะได้เข้าใจเกมหุ้นเที่ยวนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยภายในประเทศ หรือได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ยังฝุ่นตลบ จึงต้องโฟกัสเกมหุ้นในแต่ละวันไปทีละสเต็ปไงละคะ

สถานการณ์ยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ชาวหุ้นออกมาแซวทีเล่นทีจริงว่า “หุ้นก็ตก คริปโตก็ทรุด เลยจบที่แชร์ลูกโซ่ กระเป่าถึงฉีก” ซึ่งเป็นการเปรียบเปรยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” ถึงมองว่า คนที่เจ็บหนักในตลาดหุ้นคงหนีไม่พ้นกองทุน หลังแมงลือเม้าท์ถึงเรื่องไถ่ถอนกองทุนมากเหลือเกิน และเงินใหม่ไม่เข้ากองทุนมาระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นตัวเร่งให้กองทุนขายหุ้นถี่ขึ้นเจ้าค่ะ

ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจที่ยอดขายกองทุนตั้งแต่ต้นปีจนถึงวานนี้ทะลุขึ้นไปถึงระดับ 1.16 แสนล้าน ขณะที่ยอดขายสุทธิเดือน ส.ค. อยู่ในระดับ 1.75 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สวนทางกับฝรั่งหัวทองที่ซื้อหุ้นเข้าพอร์ตมากถึง 1.71 แสนล้าน ส่วนในเดือน ส.ค. จัดหุ้นเข้าพอร์ตแบบจุกๆ ไปทั้งสิ้น 5.40 หมื่นล้าน จึงกลายเป็นเรื่องราวที่ทำให้ขาเม้าท์จินตนาการกันไปต่าง ๆ นานา นะจะบอกให้

งานนี้ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นแบบไหน? แต่นักเล่นในยุคดิจิทัลก็มองไปในทางเดียวกันว่า ช็อตนี้ไม่โสภาสถาพรอย่างแน่นอน และการที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,639.45 จุด บวกไป 12.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.85 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นเต้นแต่อย่างใด เพราะเป็นแค่การรีบาวด์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แถมยังมีประเด็นเร่งขึ้นดอกเบี้ย (ปลาย ก.ย.) ค้ำคออยู่แบบนี้..มันจะไปกันไหวได้อย่างไรจ๊ะ

ถึงกระนั้นก็อยากให้มองเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกาจะออกมา “ดีกว่าคาด” หรือ “แย่กว่าคาด” โดยเฉพาะเรื่อง “เงินเฟ้อ” ที่กำลังเล่นงานกำลังซื้อของผู้คนอย่างหนัก หรือแม้กระทั่งตัวเลข “จ้างงาน” ก็มีผลโดยตรงกับเม็ดเงินในระบบสะพัดแค่ไหน? “โมนิก้า” ถึงมองเกมหุ้นต่อจากนี้จะเหวี่ยงแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ และนักเล่นตัวฉกาจอย่างกองทุนจะใช้โอกาสสาดใส่ไม่ยั้งเมื่อบรรยากาศไม่เป็นใจเจ้าค่ะ

ที่สำคัญคือ หากมองจากกราฟหุ้นของดัชนีดาวโจนส์จะเห็นภาพชัดขึ้นไปอีกขั้นว่า ดาวโจนส์อยู่ในช่วงแกว่งตัวลง และมีบางจังหวะที่โดนทุบหนัก และพยายามเด้งกลับขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณ 34,200 จุด ขณะที่วันนี้กลับเห็นดัชนียืนที่บริเวณ 32,000 จุด พ่วงด้วยความวิตกกังวลมากมายนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่โหดเกินไปสำหรับสถานการณ์ที่รู้อยู่เต็มอกว่า เต็มไปด้วยขวากหนามพะยะค่ะ

งานนี้ถึงฟันธงได้ทันทีว่า การเด้งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์น่าจะเหมือนการหลอกออกของ และอิทธิพลตรงนี้ก็กระทบโดยตรงกับตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเน้นเล่นสั้นไว้ก่อนในจังหวะนี้ เพราะโอกาสที่หุ้นจะไต่เพดานขึ้นไปทำยอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมคงเป็นเรื่องอิมพอสซิเบิ้ล และจังหวะนี้ก็เป็นการวัดความไวของนักเล่นแต่ละกลุ่มว่า ใครเก๋าเกมมากกว่ากันนะจ๊ะ

วันนี้ถึงไม่ขอลงรายละเอียดหุ้นรายตัว เพราะหุ้นที่เขาเม้าท์กันว่า “กำไรดี ผลงานแจ่ม” วานนี้ยังโดนถล่มเละเทะ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเกมนี้มันโหดเกินไปสำหรับนักเล่นที่ “คิดช้า ทำช้า” และทางออกที่ดีที่สุดในช่วงที่หลายอย่างยังฝุ่นตลบไม่เลิกก็คือ ต้องรู้จัก Cut Loss แบบจริงจัง! เพราะเป็นหนทางเดียวที่ช่วยให้การเล่นหุ้นเที่ยวนี้มีความเสี่ยงจำกัด เพราะคนที่เข้ามาเล่นหุ้นช่วงนี้รู้ตัวอยู่แล้วว่า “ไม่ง่าย” เจ้าค่ะ

ก่อนจากกันวันนี้มีเรื่องเม้าท์เกี่ยวกับเหมืองขุดคริปโตที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ผู้บริหารกำมะลออย่าง “เป้ P miner” ก็หายวับเข้ากลีบเมฆไปอีกตามเคย พร้อมกับทิ้งความเสียหายไว้ราว ๆ 1,700 ล้านแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ารันทดใจสุด ๆ สำหรับวงการคริปโต แถมตกเย็นวานนี้ ก.ล.ต. ออกมาสั่งฟันผู้บริหาร “บิทคับ” ในฐานความผิดอินไซด์เหรียญ พร้อมกับสั่งปรับ 8.50 ล้าน และแบนจากวงการ 1 ปีแบบนี้..มันทำให้เดี๊ยนมั่นใจ วงการคริปโตปิดฉากแล้วค่ะ

Back to top button