Revenge Travel ชำระแค้นท่องเที่ยว

กรณีประเทศไทย Revenge Travel ของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จะเกิดมากขึ้นเป็นลำดับ นับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป


นับตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย ทำให้แต่ละประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศที่เคยถูกปิดกั้นมากว่า 2 ปี เริ่มเปิดพรมแดนการเดินทางกันอย่างกว้างมากขึ้น เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่เริ่มเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จนทำให้ปริมาณการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ

จากข้อมูลกระทรวงคมนาคม ว่าด้วยการเดินทางของผู้โดยสารระบบสาธารณะระหว่างประเทศ ช่วงเดือน ส.ค. 65 ที่ผ่านมา พบว่า มีปริมาณผู้โดยสารทั้งเข้า-ออกประเทศในทุกมิติการขนส่งจำนวน 2,243,723 คน เพิ่มขึ้น 9.41% จากเดือน ก.ค. 65 และเพิ่มขึ้น 129.78% จากค่าเฉลี่ยช่วงเดือน ม.ค.-ก.ค. 65 โดยเป็นผู้โดยสารขาเข้าจํานวน 1,108,532 คน

การเดินทางทางอากาศ มีสัดส่วนสูงสุดคิดเป็น 97.97% มีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1,603,337 คน คิดเป็น 73% มีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานดอนเมือง 309,836 คน คิดเป็น 14% และมีปริมาณการเดินทางผ่านท่าอากาศยานภูมิภาค 274,851 คน คิดเป็น 13%

ด้วยตัวเลขปริมาณผู้เดินทางระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว ที่ถูกปิดกั้นมากว่า 2 ปี กำลังสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Revenge Travel หรือ การท่องเที่ยวให้หายแค้น มีให้เห็นเด่นชัดและขยายวงกว้างมากขึ้น

ปรากฏการณ์ Revenge Travel ถือเป็นสัญญะเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ที่ต้องพึ่งเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการ Revenge Travel กลุ่มแรกคือนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง (Luxury Travel) ตามมาด้วยระดับรายได้ชั้นกลางที่มีเห็นชัดเจนช่วงต้นปีที่ผ่านมา

หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงปรากฏการณ์ Revenge Travel คือประเทศอินเดีย ที่ผ่านพ้นการระบาดโควิด-19 หนักสุดด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่พอหลังสถานการณ์เริ่มดีขึ้น รัฐบาลอินเดีย มีการผ่อนคลายและปลดล็อกมาตรการต่าง ๆ เนื่องจากประชาชนเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อคลายความเครียด หลังจากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดจากโควิด-19 กันมานาน

Amit Kashyap ผู้อำนวยการแผนกการท่องเที่ยวของรัฐหิมาจัลประเทศ ระบุว่า ตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวกว่า 600,000-700,00 คน ที่เดินทางเข้ารัฐหิมาจัลประเทศ เนื่องจากเป็นช่วงที่มีอากาศดี ไม่เพียงเท่านั้นมีการเผยแพร่ภาพนักท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน แม้ว่า “การเที่ยวเพื่อล้างแค้น” อาจมีความต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม

กรณีประเทศไทย Revenge Travel ของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ จะเกิดมากขึ้นเป็นลำดับ นับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป บนเงื่อนไขว่าจะไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้นมาอีก..!!?

แหละนั่นเราจะได้เห็นปรากฏการณ์ “กินล้างแค้น” หรือ “ช้อปล้างแค้น” ตามมาจากท่องเที่ยวล้างแค้น จนกลายเป็นผลดีต่อธุรกิจโดยรวม และเกิดการเปลี่ยนแปลงของการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ จนเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช่วง 1-2 ปีนี้เลยทีเดียว

Back to top button