TEAMG คึก ‘ธีระชัย’ ดันราคาวิ่งแซงพื้นฐาน
ดูๆ แล้วมาตรการจับขังระดับ 1 ของตลท.ไม่น่าจะหยุดความร้อนแรงหุ้น TEAMG ได้ แถมส่อเค้าว่าอาจโดนขยับไปมาตรการเข้มข้นสูงสุดซะด้วย
เส้นทางนักลงทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จับหุ้นบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เข้ากรงขังด้วยมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ระดับ 1 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขายและต้องซื้อหุ้นด้วยเงินสด (Cash Balance) เท่านั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7-27 กันยายน 2565 หลังราคาหุ้นแรลลี่วิ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันซ้อน
3 วัน (5-7 กันยายน 2565) ราคาหุ้น TEAMG พุ่งขึ้น 60.72% จากราคา 5.10 บาท มาที่ 8.20 บาท งานนี้ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกเหนือจากขานรับการปรับโครงสร้างกลุ่มครอบครัว “รัตนกมลพร” ที่เข้ามาถือหุ้นเพิ่มเป็น 103 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 15.15% จากเดิม 100.25 ล้านหุ้น สัดส่วน 14.74%
แบ่งการถือหุ้นตามโครงสร้างเป็น นายธีระชัย รัตนกมลพร 102.50 ล้านหุ้น เท่ากับ 15.07% และ นส.ธิดารัตน์ สุอมรรัตนากุล คู่สมรส 5 แสนหุ้น เท่ากับ 0.07% ราคาสูงสุดที่ได้หุ้นมาในช่วง 90 วันที่ผ่านมา อยู่ที่ 10.30 บาทต่อหน่วย โดยล่าสุดนส.ธิดารัตน์ยังเก็บหุ้นอีก 3.5 แสนหุ้น ทำให้สัดส่วนเพิ่มอีก 0.0514%
และนับตั้งแต่ปรากฏชื่อนายธีระชัยเข้าถือหุ้น TEAMG ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม หุ้นตัวนี้วิ่งมาแล้ว 118.08% จาก 3.76 บาท (12 พฤษภาคม 2565)
นายธีระชัย รัตนกมลพร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด 33.71% ในบริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO ก่อนหน้านี้เคยเข้าซื้อหุ้น TEAMG ล็อตแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เป็นการซื้อจากบริษัท เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่ค่อย ๆ ทยอยลดสัดส่วนการถือหุ้นลง จนปัจจุบันเหลือถือหุ้นเพียง 32,232,000 หุ้น คิดเป็น 4.74% จากเดิมถืออยู่ 5.07% ซึ่งน่าจะเป็นการแทนที่กันระหว่างนายธีระชัยกับเครือปูนใหญ่ที่ถอยออกมา
นายธีระชัย ระบุว่า การซื้อหุ้น TEAMG เพิ่ม สะท้อนถึงความต้องการจะเข้ามาลงทุนใน TEAMG อย่างแท้จริง เพราะมองว่าเป็นบริษัทที่ดี น่าลงทุน และมีอนาคต รวมถึงเล็งเห็นศักยภาพหลาย ๆ ด้านที่จะร่วมมือกันระหว่าง TEAMG และ DITTO ให้ใกล้ชิดมากขึ้น
DITTO ทำธุรกิจจำหน่ายและให้บริการด้านระบบบริหารจัดการเอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ อย่างครบวงจร (Document and Data Management Solution) และรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่าง ๆ
โดย DITTO มีแผนเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในปลายปีนี้และต้นปีหน้าหลายโครงการ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงกรอบความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง DITTO และ TEAMG โดยผู้บริหารของทั้ง 2 บริษัทคาดหวังว่าจะช่วยขยายขอบเขตการรับงานโครงการใหม่ ๆ ได้มากขึ้น พร้อมช่วยให้การเติบโตรวดเร็วขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ส่วน TEAMG ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจรตั้งแต่การศึกษา ออกแบบ จัดทำรายงาน บริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง รวมถึงการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ในไตรมาส 3 นี้ จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการติดตั้งและดำเนินการระบบผลิตน้ำประปา เพื่อใช้ในโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (แห่งใหม่) อำเภอเมืองจังหวัดนครสวรรค์ จะมีรายได้ตลอดอายุสัมปทาน 25 ปี มูลค่าประมาณ 245 ล้านบาท โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565
นอกจากนี้ ยังเตรียมจะศึกษาขยายไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ในต่างจังหวัดเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้ รวมไปถึงจะมีรายได้จากโครงการอื่นที่เกี่ยวกับพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นฐานสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เข้ามาเสริม เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายขยายสัดส่วนรายได้ประจำให้ได้ 50% ภายในปี 2568
ส่วนรายได้จากงานต่างประเทศ โดยเฉพาะสปป.ลาว จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2564 มาอยู่ที่ 7-8% หลังมีการเปิดประเทศมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดอยู่ที่ 14% และเชื่อว่าปี 2566 จะกลับมาสู่ระดับเดิม
งวด 6 เดือนแรกของปี 2565 TEAMG มีรายได้แล้ว 771.85 ล้านบาท มีกำไร 24.01 ล้านบาท ภาพรวมการดำเนินงานทั้งปีนี้จะมีรายได้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 1,758 ล้านบาท
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ TEAMG มีงานในมือ (Backlog) สูงมากกว่า 4.2 พันล้านบาท เป็นการทำระดับสูงสุดใหม่ ส่วนครึ่งปีหลังตั้งเป้ารับงานเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท เพราะงานค้างท่อของภาครัฐน่าจะอนุมัติเร็วขึ้น
และแต่ละปีจะหางานใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างน้อยปีละ 2,000 ล้านบาท เพราะเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้ภาครัฐจะเร่งเดินหน้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน และงานในท่าอากาศยานต่างจังหวัด ส่วนภาคเอกชนโครงการแนวราบยังขยายตัวได้ดี
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้น TEAMG ที่ระดับนี้วิ่งแรงเกินไปแล้ว เมื่อเทียบกับแนวโน้มครึ่งปีหลังที่แม้จะฟื้นตัวแต่ยังไม่โดดเด่น โดยไตรมาส 3 ผลการดำเนินงานจะเร่งตัวจาก Backlog ที่มีการรับรู้งานโครงการขนาดใหญ่ และงานโครงการภาครัฐที่ล่าช้ามาจากครึ่งปีแรกมีการรับรู้ต้นทุนไปแล้วบางส่วน ดังนั้นเมื่อสามารถปรับมารับรู้รายได้ปกติอีกครั้ง อัตรากำไรจะเร่งตัวขึ้นรวดเร็ว หนุนกำไรสุทธิกลับมาระดับปกติ 20-30 ล้านบาทต่อไตรมาส
แต่ครึ่งปีแรก TEAMG มีกำไร 24 ล้านบาท ลดลง 40% จากงวดปีก่อน และคิดเป็น 16.8% ของกำไรสุทธิทั้งปีที่เคยคาดไว้เดิม 143 ล้านบาท จึงได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2565 ลง 25% เหลือ 107.2 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน จึงได้ปรับลดราคาที่เหมาะสมลงเหลือ 2.9 บาท อิง P/E ที่ 18 เท่า ซึ่งราคาซื้อขายบนกระดานสูงถึง 51.56 เท่า จึงแนะนำ “ขาย”
ดู ๆ แล้วมาตรการจับขังระดับ 1 ของตลท.ไม่น่าจะหยุดความร้อนแรงหุ้น TEAMG ได้ แถมส่อเค้าว่าอาจโดนขยับไปมาตรการเข้มข้นสูงสุดซะด้วย