ฝ่าแนวต้าน 1,650 จุด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียบวกกันทั่วหน้า “เขียวขจี” เชื่อว่าเกิดแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียบวกกันทั่วหน้า “เขียวขจี” เชื่อว่าเกิดแรงซื้อเก็งกำไรระยะสั้น หลังนักลงทุนคลายกังวลชั่วขณะเมื่อแบงก์ชาติยุโรปปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาด แม้ว่ายังรอการประชุมเฟด 20-21 ก.ย. 65 ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยตามคาดหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม “โมนิก้า” มองว่าเรื่องนี้ถือว่ามีการรับรู้ไปพอสมควรแล้วเลยอาจทำให้ผ่อนคลายได้บ้างเจ้าค่ะ
ผนวกกับฝรั่งหัวทองรีเทิร์นเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยวันแรก 1.30 พันล้านบาท ในรอบเดือน ก.ย. 65 หลังขายสุทธิต่อเนื่องช่วงวันที่ 1-8 ก.ย. 65 รวม 1.20 หมื่นล้านบาท สำหรับเงินที่ไหลเข้ากลุ่มแบงก์และพลังงาน ซึ่ง “โมนิก้า” เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ดัชนีสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,650 จุดได้อีกครั้ง หลังพยายามขึ้นมาทดสอบหลายครั้งด้วยกัน แบบแตะร่วง ๆ จนเป็นแนวต้านจิตวิทยาไปในช่วงก่อนหน้าเพคะ
และแล้วกำแพงแนวต้านก็กลับมาทะลุได้อีกครั้ง ด้วยวันศุกร์ดัชนีสามารถขึ้นไปปิดที่ระดับ 1,654.62 จุด บวกไป 14.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.35 หมื่นล้านบาท แต่จะไปต่อหรือไม่อีกเรื่อง? เพราะสำหรับ “โมนิก้า” เองอยากให้นักลงทุนไปคิดเล่น ๆ ว่าการที่ดัชนีขึ้นมาก็จริง ทางกลับกันแวลูกับเบาบาง แล้วอย่างนี้จะไปต่อได้หรือไม่ก็เอาไปขบคิดกันดู พร้อมกับจะเชื่อใจฝรั่งว่าหวนกลับมาจริงหรอเจ้าคะ ๆ ๆ
เอาเป็นว่าเดี้ยนพาไปดูในหุ้นรายตัวบ้างดีกว่า อย่าง PTTEP ราคาหุ้นดีดตัวขึ้นให้เห็นมาปิดที่ระดับ 163 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 1.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.48 พันล้านบาท ซึ่งฟื้นตัวตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ “WTI-BRENT” เด้งขึ้น กอปรกับนักวิเคราะห์ยืนยันว่าไตรมาส 3 สดใส จากยอดขายเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับราคาก๊าซตามรอบสัญญา พร้อมเคาะเป้า 187 บาท “โมนิก้า” บอกเลยว่าเห็นอนาคตอย่างนี้แล้วเคาะขวาสิคะอิอิ
เช่นเดียวกับหุ้นยักษ์ใหญ่กลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง GULF ที่เดินหน้าทำดีลเพิ่มความมั่งคั่ง ล่าสุดรุกลงทุนในสหรัฐอเมริกา ซื้อหุ้น 49% โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ “Jackson” ในรัฐอิลลินอยส์มีกำลังการผลิต 1,200 MW สิ่งที่เห็นราคาหุ้นวิ่งตอบรับข่าวขึ้นไปปิดที่ระดับ 56.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.84 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม “โมนิก้า” มองว่าหลังจากนี้ราคายังวิ่งทำออลไทม์ไฮต่อเนื่องเจ้าค่ะ
ส่วนในรายของหุ้น AIT หายหน้าหายตาไปนาน ล่าสุดโผล่ในโหมด “Gainers” ด้วยราคาหุ้นที่ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 6.60 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาท ที่สำคัญราคาหุ้นก็ทะลุเส้น Moving Average ทุกเส้น “โมนิก้า” บอกเลยเที่ยวนี้ลุ้นทดสอบยอดเก่า 7 บาท แต่ขอย้ำว่าตัวนี้เลือกเสี่ยงโชคแค่สั้น ๆ สำหรับคนชอบ “มาเร็ว เคลมเร็ว” และมาลุ้นสิว่ารายได้ 6 พันล้านปีนี้จะเข้าเป้าที่วางไว้หรือเปล่าค่ะ
ขณะที่ฟากฝั่งของ JASIF กลับมามีชีวิตชีวาหลังลงไปทำ “โลว์” รอบ 2 ปี 5 เดือน หลังมีนักวิเคราะห์แห่งหนึ่งระบุว่าการขายหน่วย “ดีลไม่ล่ม” แน่นอน เพราะอย่างไรบิ๊กผู้บริหารต้องการขาย ทำเอาไม่รู้กลุ่มไหนเข้ามาไล่ราคาจนเด้งมาปิดที่ระดับ 8.05 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 5.92% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 931 ล้านบาท แต่อย่าลืมว่าต้องรอผลชี้ขาดจากผู้ถือหุ้น 23 ก.ย.นี้ รวมถึงเงื่อนไขเข้าซื้อจากทาง ADVANC ว่าจะมีแรงจูงใจมากพอให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยยกมือโหวตผ่านได้หรือไม่ละจ้า
ปิดท้ายว่าด้วยเกิดเหตุฝนตกน้ำท่วมทีไรก็เป็นต้องได้เห็น COTTO กระโดดขึ้นมาโผล่บนกระดาน Most Active กันบ่อย ๆ อย่างล่าสุดราคาหุ้นพุ่งแรงขึ้นมาปิดที่ระดับ 2.16 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 58.25 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นมูฟเมนต์การเข้าเก็งกำไรตามกระแสเท่านั้น ส่วนประเด็นอื่นเดี๊ยนยังมองไม่ออกจริง ๆ เอาเป็นว่าเล่นสั้นเพื่อความปลอดภัยหรือหาค่ากาแฟไปนะจ๊ะ