ตั้งลำใหม่โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนสถานการณ์ร้ายๆ จะผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ จนบรรดากองเชียร์รู้สึกท้อแท้ไปทีละคนสองคน แต่สุดท้ายทุกคนยังคงยืนหยัดช้อนหุ้นเก็บไว้ในพอร์ต “โมนิก้า” ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามหลักลงทุนทุกอย่าง เพราะการเกาะติดกระแสหุ้นเป็นระยะ มักทำให้นักเล่นไม่พลาดจังหวะสำคัญในการลงทุน จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับบรรดาแมงเม่าปีกแข็งอีกสักครั้ง

*เนื่องจากนิยายหลอกเด็กเกี่ยวกับท่าทีของ FED กลายเป็นหนังน้ำเน่าที่ “โมนิก้า” รู้สึกคลื่นเหียนอาเจียนบ่อยๆ เมื่อได้ยินศาสดาตลาดหุ้นออกมาเม้นท์เรื่องนี้ เพราะข้อมูลที่ปรากฏให้เห็นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ล้วนบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า กองทุน กับ ฝรั่งตาน้ำข้าว หรือแม้กระทั่งปอบผีฟ้า ก็รู้สึกตื่นเต้นกับประเด็นดังกล่าวเสียเหลือเกิน เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบนะคะ

*โดยสิ่งที่เดี๊ยนให้ความสำคัญมากสุดในจังหวะนี้คือ ผลประกอบการในไตรมาส 3 ออกมาแย่กว่าที่คาด จึงต้องมองไปที่ผลประกอบการไตรมาส 4 กระเตื้องขึ้นขนาดไหน? และจังหวะนี้ก็ผ่านมาครึ่งทางของงวดดังกล่าวเสียด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้ทุกคนช่วยกันสำรวจความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือชี้วัดการเข้าซื้อหุ้นเก็บไว้ในพอร์ตไงหล่ะค่ะ

*หนึ่งในทีเด็ดที่ “โมนิก้า” ชอบส่องดูเป็นระยะ และเผอิญหุ้นกระชากขึ้นแรง เดี๊ยนถึงต้องเปิดหัวด้วย CPF เป็นรายแรก ว่ากันว่า ตัวเลขในปี 59 น่าจะออกมาแจ่มแจ๋วชนิดที่ไม่ต้องบรรยายให้เปลืองน้ำลาย บวกกับพรายกระซิบป้องปากเม้าท์ว่า อัพไซด์สูงกว่า 40% พวกนกรู้ถึงกระโจนเข้าใส่มือเป็นระวิง จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 20.20บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.60% มันเป็นจังหวะของการตามกระแสนะคะ

*เหมือนกับในรายของ MTLS วันก่อนมีความรู้สึกต่อหุ้นตัวนี้อย่างไร วันนี้ยังคงมีความรู้สึกที่ดีให้เหมือนเดิม วันนี้ถึงไม่ต้องถามหาสาเหตุที่ทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ 20.20บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 3.60% ด้วยมูลค่า 520 ล้านบาท เพราะวันก่อนได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังไปแล้ว และที่เหลือต่อจากนี้คือ แมงเม่ากล้าตามไปเล่นต่ออีกหรือเปล่า? ถ้ามั่นใจก็ใส่ไปเลยค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SCC ทิ้งตัวลงมาทำดับเบิ้ลบอททอมที่บริเวณ 450 บาท พร้อมกับเด้งขึ้นมาปิดที่ 462 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่า 950 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะรอบก่อนหน้านี้ก็เด้งขึ้นไป 480 บาท รอบนี้ถึงมีลุ้นซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง ซึ่งในทางเทคนิคเขาเรียกรูปแบบเคลื่อนตัวนี้ว่า w-shape นะจะบอกให้

*แพทเทิร์นดังกล่าวคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของ BEAUTY  ซึ่งกระชากขึ้นมาปิดที่ 5.25บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่า 101 ล้านบาท มันเกิดจากแรงขับเคลื่อนผลประกอบการล้วนๆ ไม่มีอะไรต้องคิดให้มากความ เพราะแค่รู้ว่า กำไรในงวดถัดไปจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ราคาหุ้นก็ควรจะทะยานขึ้นไปอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน..จริงหรือไม่ ดูกันไปเรื่อยๆ ก็ได้ค่ะ

*สำหรับในรายของ J กลายเป็นหุ้นที่ “มาเร็ว เคลมเร็ว” ไม่มีอะไรต้องพูดถึงให้มากความ เพราะแรงเทขายที่พรั่งพรูออกมาในเที่ยวนี้ทำให้รู้ว่า หุ้นไม่มีจุดขาย จึงไม่มีเจ้าภาพเข้ามาดูแล หุ้นมีโอกาสรูดลงไปอีกเรื่อยๆ ล่าสุดหุ้นทิ้งตัวลงมายืนอยู่ที่ 3.46บาท ลบไป 0.34บาท หรือลงไป 9% ด้วยมูลค่า 115 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ 2.77 บาท บอกตรงว่า เสียวโว้ย..ยยย

*ส่วนที่น่าผิดหวังสุดๆ กลายเป็น JSP ทั้งที่ผลประกอบการออกจะเลิศสะแมนแตน แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับไม่เอาถ่านเสียอย่างนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติอย่างยิ่งยวด และจำเป็นที่ผู้บริหารต้องออกมาเม้าท์ถึงจุดแข็งของตนเองให้สังคมได้รับรู้ เพราะนี่คือหุ้นพื้นฐานดี ที่ควรมีราคาสูงกว่านี้ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 1.59บาท ลบไป 0.07บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่า 160 ล้านบาท เดี๊ยนกลับมองเป็นจังหวะของการทยอยสะสมพะยะค่ะ

*ตรงกันข้ามกับในรายของ UPA หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าที่เกิดขึ้นจะเห็นว่า โอเว่อร์รีแอ๊คเกินไปไหม? แถมก่อนหน้านี้ทำมิตรรักแฟนเพลงบาดเจ็บล้มตายกันเป็นแถว บวกกับหุ้นทำ new low ให้เห็นเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ “โมนิก้า” ถึงไม่ไว้ใจการกระชากขึ้นมาปิดที่ 1.37บาท บวกไป 0.13บาท หรือขึ้นไป 10.50% ด้วยมูลค่า 50 ล้านบาท เพราะมันไม่มีอะไรให้เชื่อว่า ของแท้?  จริงไหมเจ๊ใหญ่..อิอิอิ

 *ป.ล.วันนี้ขอเรียนตามตรงว่า ดัชนีพยายามรักษาเทรนด์ด้วยการปิดที่ 1,382.46จุด ลบไป 1.83 จุด ด้วยมูลค่า 4.38 หมื่นล้านบาท มันทำให้สถานการณ์หลายอย่างยังทรงตัว และรอจังหวะถีบตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะคะ