พาราสาวะถี
เมื่อมาคำนวณเวลาหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกกระทอก ก็จะมีเวลาเหลือในการทำหน้าที่ไม่ถึง 2 ปี
มาลุ้นกันวันนี้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาออกมาอย่างไรต่อปม 8 ปีนายกรัฐมนตรีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ หลังจากนัดประชุมต่อจากคราวที่แล้วที่สั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรส่งเอกสารรายงานการประชุมและบันทึกการประชุม กรธ.ครั้งที่ 501 มาให้เพิ่มเติม เป็นไปได้ทั้งหมดว่าจะนัดให้มาฟังคำวินิจฉัยในครั้งต่อไป หรือตัดสินเลย ที่แน่ ๆ วิษณุ เครืองาม ยืนยันว่า “ศาลใกล้จะตัดสินแล้วก็ต้องรอฟังศาล ผลที่ออกมาเป็นไปได้ทุกทาง อย่าคาดเดาเลยดีกว่า”
แน่นอนว่า แนวโน้มที่มีการคาดหมายกันไว้ ความเป็นนายกฯ ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่น่าจะเริ่มต้นที่ 24 สิงหาคม 2557 แต่จะเริ่มนับที่ปี 2560 ซึ่งรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ หรือ 2562 ที่ได้รับแต่งตั้งหลังการเลือกตั้งต้องติดตาม ความเป็นไปได้น่าจะพบกันครึ่งทางคือเริ่มที่ปี 2560 อันจะส่งผลให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ เมื่ออายุรัฐบาลนี้ครบวาระหรือจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่ หากได้กลับมาก็จะสามารถเป็นนายกฯ ไปได้อีกจนถึงปี 2568
เมื่อมาคำนวณเวลาหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะกลับมาเป็นนายกฯ อีกกระทอก ก็จะมีเวลาเหลือในการทำหน้าที่ไม่ถึง 2 ปี เมื่อเทียบกับระยะเวลาที่ทำมากว่า 8 ปีแล้วยังไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงทำให้ถูกมองว่าถ้าได้ไปต่อบนเงื่อนไขเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะเลือก “วางมือ จบแบบเท่ ๆ” เพราะการดันทุรังอยู่ต่อไปภายใต้สถานการณ์ความนิยมเสื่อมทรุดมีแต่จะเปลืองตัวและเสียเกียรติ เสื่อมศักดิ์ศรีเปล่า ๆ ปลี้ ๆ
ด้วยท่วงทำนองเช่นนี้กระมัง มันจึงทำให้เกิดกระแสข่าวการเตรียมตัวกลับพรรคเก่าของ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ส.ส.ที่ถูกเขี่ยออกจากพรรคสืบทอดอำนาจไปอยู่พรรคเศรษฐกิจใหม่ ยิ่งจับท่าทีของแกนนำระดับรัฐมนตรีในพรรคยิ่งเห็นอาการชัด ฝ่ายที่ไม่ใช่สายตรงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต่างพร้อมที่จะอ้าแขนรับกลับบ้านหลังเดิม แต่พวกสายตรงต่างก็พากันตีกัน อ้างว่าน่าจะเป็นข่าวลือเสียมากกว่า ทั้งที่ความจริงมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่หอกข้างแคร่ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะกลับมายืนเคียงข้างพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.
เหตุผลไม่มีอะไรซับซ้อน การเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ บวกกับผลของการเลือกตั้งซ่อมทั้งที่เขต 9 กทม. และเขต 4 ลำปาง เห็นได้ชัดว่าความนิยมของฝ่ายกุมอำนาจนั้นถดถอยลงไปอย่างมาก ถูกพรรคคู่แข่งเอาชนะทิ้งขาดแบบไม่เห็นฝุ่น ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ยิ่งการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใช้สูตรหาร 100 บรรดาพรรคเล็กพรรคน้อยทั้งหลาย โอกาสที่จะได้ ส.ส.เหมือนการเลือกตั้งปี 2562 แทบจะไม่มี ดังนั้น การเข้าไปอยู่ภายใต้ชายคาพรรคขนาดกลางหรือใหญ่ จึงเป็นจุดที่ปลอดภัยมากที่สุด
ขณะที่อีกด้าน ก็จะเห็นได้ว่า ส.ส.ที่อยู่ภายใต้การดูแลของธรรมนัสนั้น เกือบทั้งหมดเป็น ส.ส.เขต ที่สำคัญคือส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ หากไม่ดึงธรรมนัสพร้อมพวกกลับมา ก็จะกลายเป็นโจทย์ยากสำหรับพรรคแกนนำรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยที่อีกด้านเลขาธิการพรรคอย่าง สันติ พร้อมพัฒน์ ก็มีข่าวหนาหูจะตีจากไปสวมสีเสื้อพรรคภูมิใจไทย แม้จะมีการปฏิเสธ แต่ในทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และยิ่งเป็นนักการเมืองรายนี้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่มีทางวางใจได้อย่างแน่นอน
พิจารณาจากปัจจัยเช่นนี้ ถ้าความสัมพันธ์ของพี่น้องแก๊ง 3 ป.กลับมาดีเหมือนเดิม นั่นหมายความว่า พี่ใหญ่ไม่ได้หักหาญน้ำใจน้องเล็ก แต่เป็นการได้รับสัญญาณมาแล้วจากน้องเล็กว่าจะไม่ไปต่อ จึงปล่อยให้พี่ใหญ่บริหารจัดการทางการเมืองได้อย่างเต็มที่ หากสูตรการเมืองเป็นไปในทิศทางเช่นนี้จริง พรรคที่ตั้งไว้รองรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงต้องเหนื่อยหนัก เท่ากับเป็นการเบี้ยวไม่ทำตามสัญญา ซึ่งก็น่าเห็นใจทั้งคนที่พร้อมรับใช้ และคนที่อยากจะไปต่อ แต่การยอมรับจากประชาชนมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น ความสั่นคลอนของสัมพันธ์ 3 พี่น้องจะว่าไปไม่ใช่เกิดจากความห้าวเป้งของธรรมนัสที่ลุกขึ้นมางัดข้อ เพราะลำพังผู้กองคงไม่ใจเด็ดถึงขนาดที่จะมาเดินหน้าชนอดีต ผบ.ทบ. ที่สำคัญคือ อดีตหัวหน้าเผด็จการ คสช. ลำพังพี่ใหญ่ถือหางเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ แต่น่าจะมีเหตุผลอื่นอีกที่ทำให้เกิดรอยปริแยกของแก๊ง 3 ป. ถ้าไม่ใช่ข่าวโคมลอยตามรายงานระบุว่า สาเหตุที่แท้จริงของการกินแหนงแคลงใจกันนั้น เกิดจากที่น้องเล็กหูเบาไปเชื่อพวกบ่างช่างยุบางคน
เหมือนต้องมนต์สะกดหรือถูกเล่นของ พอมาไล่เรียงลำดับเหตุการณ์กันแล้ว จึงถึงบางอ้อ การระหองระแหงกันที่ผ่านมา เป็นเพราะมีคนคอยเสี้ยม โดยที่น้องเล็กก็ตกอยู่ในอาการของคนหลงและเหลิงในอำนาจ จากที่เคยฟังจึงทำเป็นไม่ได้ยิน สูตรการเมืองแบบนี้ต้องพวกเขี้ยวลากดินเท่านั้นที่ทำได้ แต่เมื่อหูตาสว่าง พี่น้องกลับมารักกันเหมือนเดิมคนที่สุมไฟให้แก๊ง 3 ป.ทะเลาะกัน ก็ต้องทำตัวเงียบเข้าไว้ ด้วยเหตุนี้มันจึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะไม่ไปต่อ และยอมเสียคนทำให้บางพรรคที่เตรียมไว้รองรับต้องเคว้งคว้างอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ไปต่อ ก็จะใช้จังหวะนี้เข้าสู่โหมดการปรับ ครม.เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง แนวโน้มเก้าอี้รัฐมนตรีบางตำแหน่งจะยอมตามที่พี่ใหญ่ร้องขอ เพื่อเป็นการสร้างความได้เปรียบก่อนเลือกตั้ง ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคว่าจะเดินไปต่อด้วยกันจนถึงการยุบสภาหรือไม่ เพราะมีข่าวแว่วมาว่าจะชิงประกาศถอนตัวเพื่อเรียกคะแนนนิยมของพรรคให้กลับคืนมาอยู่เหมือนกัน
ไม่เพียงเท่านั้น บางพรรคก็พร้อมที่จะประกาศจุดยืนในการต่อต้านการอยู่ต่อของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าต้องการส่งเสริมความมีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สัญญาณที่เริ่มทำให้เห็นการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ คือ การลงมติร่วมปิดสวิตช์ ส.ว.ในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้งแบบเต็มตัว พวกนกรู้ทางการเมืองมักจะแสดงออกกันแบบแปลกแปร่ง ขัดหูขัดตากับสิ่งที่ได้เห็นมาตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่าที่ผ่านมา นี่แหละวิถีการเมืองของนักเลือกตั้งอาชีพที่แท้จริง