CH ฟีเวอร์

กลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ในหมู่แมงเม่าขึ้นมาทันที เมื่อหุ้นน้องใหม่ไซส์เล็กฟอร์มสวย สร้างปรากฏการณ์เรียกแขกชุดใหญ่


กลายเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” ในหมู่แมงเม่าขึ้นมาทันที เมื่อหุ้นน้องใหม่ไซส์เล็กฟอร์มสวย สร้างปรากฏการณ์เรียกแขกชุดใหญ่เข้ามาตะลุมบอนกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับเป็นการปลุกตลาดไอพีโอให้มีความคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง จึงกลายเป็นประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากเม้าท์ถึงมากสุดในเวลานี้ ผนวกกับเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับทุกฝ่าย เลยขอเผือกตามสิ่งที่เดี๊ยนเข้าใจแล้วกันนะคะ

ว่ากันว่า ดีลปั้นหุ้น CH เข้าตลาดหุ้นไม่ได้ทำแบบเล่น ๆ เพราะใช้เวลาเตรียมตัวนานถึง 7 ปี โดยในช่วง 4 ปีแรกต้องวุ่นวายกับการพูดคุยแบงก์ เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทให้เป็นมหาชน แต่สุดท้ายแบงก์ก็ทำโครงสร้างบริษัทไม่เสร็จสักที จนสุดท้ายได้มาเจอกับ APM ซึ่งได้ฉายาเป็นนักปั้นมือทองของวงการหุ้นภูธร พร้อมกับมีการพูดคุยถึงรายละเอียดธุรกิจกงสีจำเป็นต้องเคลียร์คัตประเด็นไหนบ้างเจ้าคะ

ในที่สุดกลุ่มเจ้าของบริษัทก็ยอมทำตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน และเริ่มปฏิบัติการผ่าบริษัทเพื่อให้เป็นบริษัทมืออาชีพเหมือนเจ้าใหญ่ ๆ ที่เข้าตลาดหุ้นไปก่อนหน้านี้ และความพยายามดังกล่าวก็สัมฤทธิ์ผลตามแผนที่วางไว้ พร้อมกับมีการร่างธรรมนูญครอบครัวขึ้นมาในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นการป้องกันปัญหาการขายหุ้นของลูกหลานที่มีมากกว่า 70 ชีวิตไงละคะ

จุดไฮไลท์ที่ทำให้หุ้นน้องใหม่ตัวนี้ success” จนเป็นที่เม้าท์ถึงมากมาย คงเป็นตัวเฮีย “เดชา” ที่โชว์ความใจกว้างในการเคาะราคา IPO ที่ระดับ 2.34 บาท (เลขเรียงสวย) ซึ่งเป็นการทำตามคำแนะนำของ “เฮียคิม” ที่ต้องการเรียกศรัทธาจากนักลงทุนรายย่อย ผสานกับได้อันเดอร์ไรท์ที่เก๋าเกมอย่าง “เฮียแกะ” จากค่าย บล.ฟินันเซีย ช่วยวางแผนกระจายหุ้นให้รายย่อย ทุกอย่างเลยลงตัวตามแผนพะยะค่ะ

การกระจายหุ้นแบบทั่วถึงเลยทำให้รายย่อยเข้ามาถือหุ้น CH มีจำนวนมากถึง 8,700 ราย และเมื่อถึงวันเทรดจริง ๆ ทำให้ไม่มีไม้หนักสาดหุ้นทิ้งลงมา พร้อมกับเปิดโอกาสให้ “รายใหญ่ รายเล็ก” เข้ามาเล่นกันอย่างสนุกสนาน (ปิดบวก 77%) จนมูลค่าการซื้อขายเข้าเทรดวันแรกพุ่งขึ้นไปถึง 5.37 พันล้าน พร้อมกับรั้งอันดับ 1 ของกระดาน Most Active และทิ้งห่างอันดับ 2 เกือบช่วงตัวและอันดับ 3 เกือบสามช่วงตัวนะจ๊ะ

ความฮอตฮิตของหุ้นยังไม่หมดแค่นั้น เพราะวานนี้หุ้นก็วิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.88 บาท บวกไป 0.74 บาท หรือขึ้นไป 17.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.42 พันล้าน ท่ามกลาง PE 31 เท่า พร้อมกับยึดหัวหาดอันดับ 1 ในกระดาน Most Active “โมนิก้า” ถือเป็นความภูมิใจของบริษัทขนาดเล็กที่มีอายุเกือบ 100 ปีที่เข้ามาสร้างปรากฏการณ์เหนือบลูชิพบางตัว! และเชื่อว่า สัปดาห์นี้คง “เคาะขวา เคาะซ้าย” กันอย่างเมามัน ส่วนสัปดาห์ถัดไปก็ต้องตามไปดูกันเอาเองจ้า!

เม้าท์ถึงหุ้นไอพีโอขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ต้องทวนความจำถึงหุ้น KCC กันดีกว่า เพราะวันแรกก็พุ่งขึ้นไปถึง 9.20 บาท  ทั้งที่ขายไอพีโอในราคา 3.70 บาท พอถัดมาอีกวันก็รูดลงแรง ก่อนจะไหลลงไปเรื่อย ๆ จนลงไปทำโลว์บริเวณ 6 บาท และต้องใช้เวลานานถึง 4 เดือนกว่าจะวิ่งกลับมาแถว 9 บาท พร้อมกับสปีดขึ้นไปทำไฮบริเวณ 11 บาท พร้อมกับปรากฏชื่อขาใหญ่คับคั่ง แต่ล่าสุดหุ้นลงมายืนที่ 10.20 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 271 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 80 เท่าแบบนี้..ใช่ทางเลือกจริงเหรอคะ

ส่วนรายสตอรี่สวย แพทเทิร์นดี และเพิ่งเข้าเทรดในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นน้ำมะพร้าวอย่าง PLUS เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะดูจากกำไรที่โตดีเหลือเกิน ย่อมดันให้หุ้นไปต่อสวย ๆ วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 10.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 246 ล้านบาท แต่เผอิญหุ้นเทรดบน PE 40 เท่า จึงกลายเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเดาเกมกันเองว่า หุ้นต้องพักตัวก่อนวิ่งต่อไหมคะ

สำหรับไอพีโอที่มีลักษณะ “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น” คงต้องมองไปที่หุ้น BBGI แบบไม่ลังเลใจ เพราะเมื่อดูจากราคาไอพีโอ 10.50 บาท เทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ระดับ 7.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มีแค่ 5.50 ล้านบาท และมายืนต่ำจอง 30% เป็นเวลานานถึง 6 เดือน “โมนิก้า” คงตีความได้สถานเดียวว่า กำไรไม่ดี จึงไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยก็เท่านั้นเองจ้า!

Back to top button