‘ขวดไร้ฉลาก’ เทรนด์สินค้ารักษ์โลก

น่าจับตาว่า “เมกะเทรนด์ขวดไร้ฉลาก” จะตอบโจทย์ “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” ให้เหลือสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้มากหรือน้อยเพียงใด.?


หลังการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เป็นการประชุมของเหล่าผู้นำจาก 196 ประเทศทั่วโลก ที่มีข้อตกลงจะร่วมกันทำงานเพื่อไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกินกว่า 1.5-2 องศาเซลเซียส เพื่อระงับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น

หนึ่งไฮไลท์คือ “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” ให้เหลือสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 และจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส “การปรับตัวเพื่อปกป้องชุมชนและถิ่นที่อยู่อาศัย” ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างการป้องกันระบบเตือนภัยและโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดหยุ่น “ระดมเงินทุนจากประเทศพัฒนาแล้ว” ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา เพื่อใช้ในการปรับตัวและลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “สร้างความร่วมมือ” เพื่อทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาคธุรกิจและประชาคมโลก

เมกะเทรนด์ดังกล่าว ทำให้ภาคธุรกิจภายใต้สินค้าแบรนด์ต่าง ๆ ทั่วโลก เริ่มมีการพัฒนาสินค้าให้สอดรับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือ “เครื่องดื่มบรรจุขวด” ที่เกิดปริวรรตบรรจุภัณฑ์สู่ “ขวดไร้ฉลาก” เพื่อลดการใช้พลาสติกและการรีไซเคิลได้ทั้ง 100%

โดย Evian ผู้ผลิตน้ำแร่บรรจุขวดแบรนด์ดังของโลก จากประเทศฝรั่งเศส มีการออกแบบขวดโดยไม่มีฉลาก แต่ใช้วิธีสลักชื่อแบรนด์ และรายละเอียดอื่น ๆ ลงบนขวดแทน เพื่อแก้ปัญหาแผ่นพลาสติกหุ้มขวด โดย Shweta Harit รองประธาน Evian ระบุว่า ประโยชน์ของขวดไร้ฉลาก คือ ปริมาณขยะน้อยลง แบรนด์ Evian มีเป้าหมายว่าขวดทั้งหมดจะทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ภายในปี ค.ศ. 2025

เครื่องดื่มแบรนด์ดังของโลกอย่าง Coca-Cola หลังจากพัฒนาขวดบรรจุภัณฑ์แบบใหม่ ที่ทำมาจากพืช Plant-Based 100% สำเร็จแล้ว ล่าสุด Coca-Cola มีการเปิดตัวขวดน้ำอัดลมแบบใหม่คือ “ขวดไร้ฉลาก” เพื่อช่วยให้กระบวนการรีไซเคิลทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเทศที่เลือกใช้ขวดน้ำอัดลมไร้ฉลาก อย่างเป็นทางการคือ Coca-Cola เกาหลีใต้ โดย Coca-Cola จะนำฉลากพลาสติกออกในผลิตภัณฑ์ 2 รุ่น คือ Coca-Cola ออริจินัล และ Coca-Cola Zero ที่ผู้บริโภคสามารถแบ่งแยกความแตกต่างตรงฝาขวด โดย Coca-Cola ออริจินัล ใช้ฝาสีแดง และ Coca-Cola Zero ใช้ฝาสีดำ เพื่อทดแทนฉลากดังกล่าว

โดยใช้กลวิธีการจำหน่ายน้ำอัดลมดังกล่าว ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เพื่อช่วยให้สามารถวัดผลยอดขายได้อย่างรวดเร็วแล้ว และช่วยลดปัญหาเรื่องการแยกแยะความแตกต่างของขวด ที่ชั้นวางสินค้าในพื้นที่การจัดจำหน่ายต่าง ๆ เช่นเดียวกับที่เคยใช้กับ “ขวดไม่มีฉลาก” ในเครื่องดื่มเกลือแร่แบรนด์ Toreta มาแล้ว

ส่วนเครื่องดื่ม Pepsi เปิดตัวเครื่องดื่ม “ขวดไร้ฉลาก” ขวดแรกในประเทศจีน ถือเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ Pepsi ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากในตลาดจีน ทําให้ Pepsi เป็นหนึ่งบริษัทกลุ่มแรกที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม โดยไม่มีฉลากในตลาดจีน

การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ครั้งนี้ Pepsi คงรักษาการออกแบบตัวขวดคลาสสิกที่ได้รับสิทธิบัตรอยู่เช่นเดิม แต่ถอดแผ่นฉลากพลาสติกออกจากตัวขวด โดยก่อน Pepsi จะเปิดตัว “ขวดไร้ฉลาก” มีแบรนด์เครื่องดื่ม Master Kong เปิดตัวสินค้า ชาดำเย็นปราศจากน้ำตาล “ขวดไร้ฉลาก” มาแล้วเช่นกัน

น่าจับตาว่า “เมกะเทรนด์ขวดไร้ฉลาก” จะตอบโจทย์ “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้เหลือสุทธิเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้มากหรือน้อยเพียงใด..!!?

Back to top button