NV เติมสายป่าน.!

เป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกเม้าท์มอยเรื่องเทา ๆ มาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว สำหรับบริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV เป็นเหตุให้วันแรกที่เข้าเทรดต่ำจอง 13% ปิดตลาดที่ 6.00 บาท จากราคาไอพีโอ 6.90 บาท

ประกอบกับในแง่ผลประกอบการก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก รายได้และกำไรถดถอยลงเรื่อย ๆ เลยทำให้ราคาหุ้นติดหล่มไม่พ้นจองซะที..!! (ปัจจุบันซื้อขายกันที่ราคา 3 บาทเศษ)

ถ้าย้อนดูแบ็กกราวด์หุ้นตัวนี้ โตมาจากผลิตภัณฑ์คอลลาเจนแบรนด์โดนัทท์ (DONUTT) และถังเช่า แบรนด์ลีฟเนส (LIVNEST) เป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์คอลลาเจนและถังเช่ายุคแรก ๆ ของไทย ทำให้คอลลาเจนและถังเช่ากลายเป็นพระเอกหลักของ NV…

จากกระแสผลิตภัณฑ์ถังเช่าและคอลลาเจนที่บูมสุด ๆ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ NV โดยเฉพาะในปี 2563 ที่มีรายได้รวมแตะ 2,239 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงถึง 780 ล้านบาท (น่าจะเป็นจุดพีกสุดของ NV แล้วล่ะมั้ง) แน่นอนเมื่อกระแสบูม สิ่งที่ตามมาก็คือการแข่งขันที่สูงขึ้น จนทำให้ตลาดนี้กลายเป็นเรดโอเชียนไปแล้ว

แต่ปัจจุบันกระแสความนิยมทั้งในตัวคอลลาเจนและถังเช่าเริ่มจางหายไป ก็น่าตั้งคำถามว่าผู้ประกอบการจะทำยังไงต่อไป..? เป็นโจทย์ที่ต้องขบคิด…

โอเค…ในส่วนของ NV คงยังเห็นการ Growth อยู่แหละ แต่จะไม่ร้อนแรงเหมือนในอดีตอีกต่อไป ทำให้สิ่งที่ NV ต้องทำคือ 1) ต้องแสวงหาโปรดักส์ใหม่เพื่อมาเป็นสตาร์ดวงใหม่ แทนผลิตภัณฑ์คอลลาเจนและถังเช่า ที่ปัจจุบันเริ่มกลายเป็นดาวอับแสงไปทุกขณะ…ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมประเภทไหนนั้น NV น่าจะกำลังหาอยู่…

2) สร้างมูลค่าเพิ่มจากฐานลูกค้าเดิม…ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงโมเดลของบริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ซึ่งทำธุรกิจเครือข่ายหรือขายตรง แล้วแตกไลน์ไปสู่ธุรกิจลีสซิ่ง ด้วยการแปรฐานสมาชิกที่กว่า 1.6 แสนคน ให้เป็นลูกค้า นำร่องโดยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ก่อนจะขยับขยายไปสู่จำนำทะเบียนรถจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในลำดับถัดไป

NV ก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ในมือได้เช่นกัน…แต่จะด้วยวิธีไหนนั้น…ก็ไม่รู้สินะ

และ 3) ลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต…ก็เลยเป็นที่มาของการจัดตั้งบริษัท โนวา เวนเจอร์ส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อการลงทุนและเข้าร่วมทุนกับบริษัทอื่น ๆ อ๊ะป่าว..?

ซึ่งมี 3 แนวทางที่โนวา เวนเจอร์ส ทำได้…เริ่มตั้งแต่การไปทำดีล M&A เทกโอเวอร์บริษัทอื่นเข้ามา ซึ่งอาจเป็นบริษัทในไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือฉีกแนวไปเลยก็ได้

หรือจะไปร่วมทุน Joint Venture กับบริษัทอื่น ๆ ที่มีโอกาสเติบโต เพื่อเป็นอีกแรงหนุนให้กับ NV…หรือแนวทางสุดท้าย เป็นแค่การไปลงทุนเฉย ๆ เพื่อสร้าง Recurring Income หรือรายได้ประจำก็ได้

ซึ่งต้องดูว่าการเติมสายป่านครั้งนี้ จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ NV ได้มากน้อยแค่ไหน..? อันนี้ยังตอบยาก

แต่เอาน่า…ดีกว่า NV ไม่ทำอะไรเลยนะ เพราะไม่งั้นแล้วก็ต้องเผชิญการเติบโตที่จำกัดจำเขี่ยต่อไป…

อย่าลืมว่า ธุรกิจที่อิงกระแส พอกระแสหด…กำไรก็หายด้วยนะจ๊ะ..!?

…อิ อิ อิ…