ฝรั่งทุบหุ้นต่อ!

ปัดโธ่วานนี้พี่ฟวาฝรั่งเทกระจาดอีก 2.11 พันล้านบาท ทำบรรยากาศตลาดหุ้นไทยล้มไม่เป็นท่าลงไปปิดที่ 1,592.37 จุด


ปัดโธ่วานนี้พี่ฟวาฝรั่งเทกระจาดอีก 2.11 พันล้านบาท ทำบรรยากาศตลาดหุ้นไทยล้มไม่เป็นท่าลงไปปิดที่ 1,592.37 จุด ลบไป 6.86 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.89 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” บอกเลยว่าจะมีคำครหาจากเม่าน้อยอย่างแน่….เพราะหลายคนพูดเสียงเดียวว่า งวยงงเหมือนไก่ตาแตกกับดัชนีจ้า เล่นเอาลงหนักช่วงท้ายก่อนปิดตลาดหลังระหว่างวันเขียวขจีสะท้อนข่าวบวกเจ้าค่ะ

ประเด็นจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังธนาคารอังกฤษประกาศรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่มีจำกัดจำนวน ถือเป็นการแก้ปัญหาตลาดบอนด์ระยะสั้น ซึ่งเป็นการเข้ามาพยุงตลาดหุ้นในช่วงภาคเช้า ผนวกกับการเข้ามาไล่เก็บหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่เพราะได้รับประโยชน์จาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1% ต่อปีโดยมีผลทันทีอีก เดี๊ยนก็มั่นใจว่าพอใกล้ปิดงวดบัญชีไตรมาสมักเห็นปรากฏการณ์ทำ “วินโดว์เดรสซิ่ง” ของสถาบันในประเทศ ซื้อหุ้นที่ถืออยู่แล้วเพิ่มเติม อย่างตัวที่มีมูลค่าสูงในพอร์ต เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ประทับใจแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนพะยะค่ะ

อย่างกรณีของ BBL ไวไฟนำร่องเจ้าแรก ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที โดยเงินฝาก 0.15-0.50% ต่อปี ขณะที่เงินกู้ในส่วน MLR เพิ่มขึ้น 0.40%,  MOR เพิ่มขึ้น 0.375% และ MRR เพิ่มขึ้น 0.30% ต่อปี ผสมโรงโบรกฯ ย้ำจะได้ประโยชน์มากสุดจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น พร้อมให้เป้า 167 บาท จึงเกิดการไล่ราคาขึ้นไปปิดที่ 138 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.47% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.03 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองว่าขาขึ้นรอบใหม่คงมาบังเกิดอิอิ

เช่นเดียวกับรายของ KBANK มีแรงหนุนเชิงจิตวิทยารับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ราคาหุ้นดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 144.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.17 พันล้านบาท ฟากฝั่งโบรกฯ ก็การันตีเลือกเป็นหุ้นท็อปพิกอีกต่างหาก เป้าเบา ๆ สูงถึง 190 บาท หากโมนิก้าคิดออกมาเป็นอัพไซด์ 31.49% ว้าวเหลือแก๊ปให้นักลงทุนเข้าไปตะลุมบอนไล่ราคากันสนุกมือเจ้าค่ะ

ส่วนในรายของ ACC พอสบช่องได้โอกาสก็วิ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 1.63 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 8.67%  ด้วยมูลค่าซื้อขาย 384 ล้านบาท “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า มันเป็นอาการที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้ ครั้งนั้นก็วิ่งขึ้นมายังบริเวณนี้ ต่อจากนั้นก็รูดลงไปยืนแถว 1.40 บาท ต่อจากนั้นก็วิ่งขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนมาเห็นอีกทีก็มายืนอยู่บริเวณนี้ ครั้งนี้แหละ…ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่? วันนี้รู้กันพะยะค่ะ

พบเจอดังเช่นกรณี MORE ราคาพยายามฮึดสู้เพื่อให้ฝ่าด่านแนวต้านจิตวิทยา 2.48 บาท หลายครั้งหลายหน จนรอบนี้มาแรงแซงทางโค้งฝ่าขึ้นไปปิดที่ 2.60 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 15.04% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติไหมล่ะ เพราะน้องโมยังไม่เห็นว่ามีสตอรี่อะไรที่เข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนชัด ๆ อย่างนี่เดี๊ยนคิดว่าราคาหุ้นจะไปต่อได้อย่างไรละจ๊ะคิดสิ ๆ

ส่วนในรายของ MAJOR เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ 17.10 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 167 ล้านบาท พัม พัม พามตอบรับรอบฉายหนังกลับมาปกตินั่งได้ 100% มิหนำซ้ำจัดหนักจัดเต็มเปิดฉายรอบต่อโรงเพิ่มขึ้นเป็น 6-7 รอบจากเดิมช่วงโควิด 5 รอบต่อโรง และจุ๊จุ๊บอกไว้เลยว่าครึ่งปีหลังมีหนังฟอร์มยักษ์เข้าฉายหลายเรื่อง แม่เจ้าโว้ย “โมนิก้า” มองเห็นพลังบวกต่อราคาเข้ามาทันทีทันใดเลยจ้า

Back to top button