กองทุนตื่นตูม
ดัชนี SET วานนี้ อยู่ในแดนลบทั้งวัน ทว่ามาลงหนักสุดในช่วงเวลา 15.30–16.30 น. ที่ดัชนีอยู่ดีๆ วูบลงจากที่ลดลงอยู่ประมาณ 20 จุด มาเป็นลบ 30 จุด
ดัชนี SET วานนี้ อยู่ในแดนลบทั้งวัน
ทว่ามาลงหนักสุดในช่วงเวลา15.30–16.30 น. ที่ดัชนีอยู่ดี ๆ วูบลงจากที่ลดลงอยู่ประมาณ 20 จุด มาเป็น ลบ 30 จุด
กระทั่งปิดตลาดปรับลง 31.46 จุด
หากคิดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ เท่ากับ -1.98%
ตัวเลขเปอร์เซ็นต์นี้ถือว่าลดลงมากกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค
ในช่วงระหว่างวันของวานนี้
ทั้งนักวิเคราะห์ นักลงทุน ต่างมองว่า ปัจจัยที่กดดันดัชนีวานนี้ น่าจะมาจากการประชุมนัดพิเศษของเฟด
โดยประเด็นที่หวั่นกันคือ จะมีการปรับดอกเบี้ยนอกรอบ (การประชุม) หรือเปล่า
หรือเป็นเรื่องปรับแผน QT เพื่อดูดสภาพคล่องออกจากระบบมากขึ้น
ปรากฏว่า ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย
มีรายงานว่า การประชุมของเฟด ไม่น่าจะมีวาระในสองเรื่องดังกล่าว
แต่ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลง
และไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น
ทำให้มองปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยลบจากต่างประเทศว่ามีอะไรเพิ่มเติม
และไปพบว่ามีเรื่องของเครดิตสวิส ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระหนี้
ทำให้ช่วงก่อนปิดตลาด น้ำหนักถูกเทมาที่ปัจจัยเครดิตสวิส
หลังจากตลาดหุ้นปิด และรายงานการซื้อของกลุ่มนักลงทุน
สิ่งที่ต้องสร้างความฉงนคือ นักลงทุนสถาบันหรือ “กองทุน” ขายสุทธิออกมากว่า 13,412 ล้านบาท
และถือว่าสวนทางกับนักลงทุนต่างประเทศ ที่พลิกกลับมาซื้อสุทธิ 2,595 ล้านบาท และเป็นการกลับมาซื้อสุทธิในรอบ 7 วันทำการ
พอมาถึงตรงนี้ กลับมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ปัจจัยกดดันดัชนีหุ้นที่ลงมา 31 จุด ไม่น่าจะมาจากต่างประเทศแล้วล่ะ
นักวิเคราะห์บอกว่า เดิมนั้น คิดว่ามาจากปัจจัยลบต่างประเทศ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้
ส่วนเมื่อวานนี้น่าจะมีจาก “ปัจจัยภายใน” เป็นหลัก
หรืออาจจะมาจาก “กองทุน” ฉวยจังหวะ “ปรับพอร์ต” แรงอีกครั้ง
โดยใช้ปัจจัยเรื่องของ “น้ำท่วม” มาเป็นสาเหตุของการขาย เพราะสังเกตว่า หุ้นที่ลงมาส่วนใหญ่ จะเป็นหุ้นขนาดใหญ่อิงกับปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก
หรือกลุ่ม Domestic Play
จากข้อมูลข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่า
นับจากต้นปี 2565 นักลงทุนสถาบันขายสุทธิหุ้นไทยมาแล้วกว่า 137,413 ล้านบาท
ข้อมูลจาก มอนิ่งสตาร์ รีเสิร์ช พบว่า ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก
ต่างยังให้ผลตอบแทนเป็น “บวก” หรือระหว่าง 4.50–8.00%
ส่วนผลตอบแทนของกองทุนหุ้นต่างประเทศ
ส่วนใหญ่จะติดลบ
กองทุนมีการเข้าไปเก็บหุ้นค่อนข้างมากในช่วงสถานการณ์โควิดเริ่มต้น
การขายของกองทุนในปีนี้ จึงน่าจะเป็นการขายทำกำไร และเพื่อหลบความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
ส่วนจะหยุดขายเมื่อไหร่นั้น
ยังไม่ทราบจริง ๆ
แต่ภาวนาว่า ในช่วงที่กองทุนยังระดมขายออกมาแบบนี้
หากต่างชาติผสมโรงขายออกมาพร้อม ๆ กันด้วย
ดัชนีคงเละเทะน่าดู