BTS-SPI อัฐตาซื้อขนมยาย.!
ยังจำได้มั้ย จำได้หรือเปล่า!? ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราได้เห็นการจับมือกันระหว่าง VGI กับ SPI ตั้งบริษัทร่วมทุนทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
ยังจำได้มั้ย…จำได้หรือเปล่า..!? ว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หรือช่วงกลางปี 2562 เราได้เห็นการจับมือกันระหว่างบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ในกลุ่มบีทีเอส กับบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI ตั้งบริษัทร่วมทุนทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เพื่อเปิดร้านลอว์สัน 108 บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส…
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสองเจ้าสัวใหญ่อย่าง “เจ้าสัวคีรี กาญจนพาสน์” เจ้าพ่อรถไฟฟ้าบีทีเอส กับ “เจ้าสัวบุญสิทธิ์ โชควัฒนา” เครือสหพัฒน์ ที่มาเกี่ยวก้อยเป็นสตราทิจิกพาร์ตเนอร์กัน..!!
3 ปีผ่านไป มาครั้งนี้สองเจ้าสัวใหญ่สร้างความฮือฮาอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ “เจ้าสัวคีรี” ให้บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ของบริษัท ธนูลักษณ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNL ซึ่งเป็นลูกในไส้ของบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI ของ “เจ้าสัวบุญสิทธิ์” จำนวน 87.23 ล้านหุ้น คิดเป็น 41.09% ที่ราคาหุ้นละ 33.06 บาท มูลค่ารวม 2,884.08 ล้านบาท
นอกจากนี้ BTS จะตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้น TNL ส่วนที่เหลือทั้งหมดนอกจากหุ้นที่ถือโดย SPI ราว 37.83 ล้านหุ้น หรือ 17.82% ที่ราคาหุ้นละ 33.06 บาท รวมเป็นเงิน 1,250.89 ล้านบาท หลังจากนั้นก็จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ RO อีกก้อน ที่ราคาหุ้นละ 33.06 บาท แต่เบ็ดเสร็จแล้ว BTS จะถือหุ้น TNL ไม่เกิน 50% ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้…
เท่ากับว่า TNL จะมีเงินเข้ากระเป๋าอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ต่ำกว่า 2,884.08 ล้านบาท หลังจากนั้น TNL ก็จะไปซื้อหุ้น 90% ในบริษัท ออกซิเจน แอสเซ็ท จำกัด (Oxygen) จาก SPI มูลค่ารวม 835.70 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ 7 โครงการ จากบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U (ลูกนอกไส้ของ BTS) ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE คิดเป็นมูลค่า 531.92 ล้านบาท
ธุรกรรมที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนของสองเจ้าสัว มีไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ การปั้น TNL ซึ่งเดิมทำธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนัง ให้เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์และปล่อยสินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่าน Oxygen..!!
โดยในมุมของ BTS อันดับแรก จะได้เงินทอนผ่าน U จากการขาย 7 โครงการให้กับ TNL จำนวน 531.92 ล้านบาท เข้ามาก่อน แต่ไฮไลท์อยู่ที่ Oxygen ซึ่ง BTS ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน TNL แม้จะก่อตั้งมาได้แค่ 1 ปี (ก่อตั้ง 4 ต.ค. 2564) แต่การเติบโตน่าสนใจ โดย ณ สิ้นปี 2564 มีกำไรราว 3.68 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกปี 2565 ทำกำไรได้แล้ว 40 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 2,500 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,500 ล้านบาท หลังจากธุรกรรมแล้วเสร็จ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คงปล่อยสินเชื่อ (จำนองที่ดิน) ให้กับลูกค้า 7 โครงการของ TNL นั่นแหละ…Oxygen ก็จะรับรู้เป็นรายได้ดอกเบี้ยไป
ถัดมาเมื่อ 7 โครงการมีการพัฒนาเป็นโครงการอสังหาฯ อาจเป็นบ้าน คอนโดมิเนียม หรืออาคารสำนักงาน ฯลฯ โดยมี NOBLE เป็นผู้พัฒนา…BTS ก็จะรับรู้ผ่าน TNL ซึ่งในการพัฒนาทั้ง 7 โครงการ จะมีต้นทุนที่ต่ำ แทบไม่ต้องไปกู้แบงก์ แต่ใช้เงินจากการเพิ่มทุน ทำให้มีกำไรมากขึ้น
ส่วน SPI ก็จะได้เงินจากการขายหุ้น Oxygen ให้กับ TNL เข้ากระเป๋าก่อน 835.70 ล้านบาทเหมือนกัน รวมทั้งจะรับรู้มูลค่าเพิ่มจาก TNL มากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องหนัง…
ฟาก U ซึ่งเคยติดบ่วงอยู่กับธุรกิจอสังหาฯ มานานหลายปีจะได้ปลดเปลื้องไปซะที…แล้วเบนเข็มไปสู่ธุรกิจด้านการเงิน ภายใต้ชื่อใหม่ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตามที่ “กวิน กาญจนพาสน์” หมายมั่นปั้นมือไว้ก่อนหน้านี้…
อ้อ…พันธมิตรอย่าง NOBLE (BTS ถือหุ้น NOBLE สัดส่วน 8.40%) ก็ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้พัฒนา 7 โครงการอสังหาฯ ด้วยนะ
งานนี้จึงวิน-วินด้วยกันทุกฝ่าย..!!
แต่ดู ๆ แล้วก็ไม่ต่างจากอัฐตาซื้อขนมยาย…โยกจากกระเป๋าซ้ายไปกระเป๋าขวา ทั้งกระเป๋า BTS และกระเป๋า SPI เลยนะเนี่ย..!?
ถือเป็นอีกธุรกรรมที่ตอกย้ำว่า การวางหมากธุรกิจของคนเป็นเจ้าสัวขั้นเทพจริง ๆ…
…อิ อิ อิ…