หุ้นตัวกดดัชนีจากต้นปี
หากดูจากดัชนี SET สิ้นปี 2564 (1,670.28 จุด) แล้วมาเทียบกับดัชนีที่ปิดวานนี้ (1,580.27) ปรับตัวลงมาแล้ว -5.38%
หากดูจากดัชนี SET สิ้นปี 2564 (1,670.28 จุด)
แล้วมาเทียบกับดัชนีที่ปิดวานนี้ (1,580.27)
ปรับตัวลงมาแล้ว -5.38%
และเมื่อเข้าไปดูกราฟ จะยิ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่า หุ้นไทยเป็นขาลงต่อเนื่องนับจากต้นปี 2565
แม้ว่าในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2565 ดัชนีจะสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,700 จุด ได้
แต่หลังจากนั้นดัชนีย่อตัวลงมาเรื่อย ๆ สลับกับการปรับขึ้นเป็นบางครั้ง
แต่จะเห็นว่าช่วงที่ดัชนีดีดกลับขึ้นมา
จะขึ้นไปไม่เท่ากับที่เคยขึ้นไป ณ จุดสูงสุด ในช่วงที่ใกล้สุด
การปรับลงของดัชนี
คล้ายกับสวนความรู้สึกของนักลงทุน คนในวงการตลาดทุนว่า ปีนี้หุ้นน่าจะเป็นขาขึ้น หรืออาจจะปิดบวก (หรืออย่างน้อยเท่ากับ) ดัชนีปิด ณ สิ้นปีก่อนหน้า
ว่ากันว่า ภาวะตลาดแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้
คือภาวะตลาดที่เรียกกันว่า Bear Market Rally หรือ ฟื้นตัวระยะสั้นของตลาด ขณะที่ภาพใหญ่กำลังเป็นขาลง
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า หุ้นเป็นขาขึ้น (ทั้งที่กำลังลง)
น่าจะมาจากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ
เพราะจากต้นปี 2565 มาจนถึงวานนี้ ได้เข้าซื้อสุทธิแล้วกว่า 151,742 ล้านบาท
บวกกับการประมาณการดัชนีของบรรดานักวิเคราะห์ที่ต่างยังคงเป้าดัชนีเหนือระดับ 1,600 จุด
ล่าสุด สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ IAA
คาดการณ์จุดสูงสุดของดัชนี SET ช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2565 เฉลี่ยที่ระดับ 1,709 จุด
ส่วนจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,585 จุด
และเป้าหมายดัชนี ณ วันสิ้นปี 2565 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,685 จุด เพิ่มขึ้น 39 จุดจากระดับคาดการณ์ไว้ครั้งก่อน อยู่ที่ประมาณ 1,646 จุด
จะเห็นว่า การคาดการณ์จะสวนทางกับกราฟ ดัชนี SET อย่างสิ้นเชิง
แม้ต่างชาติจะมียอดเข้าซื้อสุทธิ (แต่ 30 วันทำการย้อนหลังขายออกมา 26,000 ล้านบาท)
แต่นักลงทุนสถาบัน หรือ กองทุน กลับขายออกมาต่อเนื่องจากต้นปีนี้กว่า 137,667 ล้านบาท
เมื่อเข้าไปดูบรรดาหุ้นขนาดใหญ่ที่น่าจะเป็นตัวกดดัชนีจากแรงขายของนักลงทุนสถาบัน เริ่มจาก “พี่ปอ” หรือ PTT ที่ราคาหุ้นในช่วงต้นปี อยู่ประมาณ 38.00 บาท
ล่าสุดลงมาอยู่บริเวณ 34.00 บาท +/-(ลดลง 11% จากต้นปี)
ณ ราคาปิด เมื่อวันก่อนหน้า ราคาหุ้น PTT มีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 985,423.37 ล้านบาท รองจาก บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ที่มาร์เก็ตแคปอยู่ประมาณ 1,032,141 ล้านบาท (AOT ราคาเพิ่มขึ้น 18% จากต้นปี)
หุ้นอีกตัวที่น่าจะมีส่วนต่อการกดดัชนีคือ CPALL
จากช่วงต้นปีอยู่ประมาณ 59.00 บาท ส่วนวานนี้ลงมาปิดที่ 55.00 บาท ซึ่งปัจจุบัน CPALL มีมาร์เก็ตแคปอยู่ประมาณ 485,087 ล้านบาท
ADVANC เป็นหุ้นบิ๊กแคปอีกตัวที่ราคาปรับลงจากต้นปีค่อนข้างมาก
หรือจากประมาณ 230 บาท มาอยู่ที่ 190 บาท (5 ต.ค.) ลงมาประมาณ 17.39%
ส่วนหุ้น INTUCH ราคาค่อนข้างทรงตัว (9 เดือนแรก) แทบจะไม่มีการเปลี่ยน (ช่วง 9 เดือนแรก สูงสุด 78.25 บาท และต่ำสุด 67.00 บาท ต่อหุ้น)
ที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์
หากมองแบบรวม ๆ พบว่า “ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์” ปรับลงจากต้นปีค่อนข้างมาก หรือจาก 414 จุด ล่าสุด ลงมาเหลือ 370 จุด ปรับลงมาประมาณ 11-12%
โดย SCB เป็นตัวกดดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์มากสุด
ส่วนหุ้นในกลุ่ม SET50 ตัวอื่น ๆ มีทั้งราคาเพิ่มขึ้น และลดลง สลับกันไป