ซื้อก่อน..ขายก่อน

ไป ๆ มา ๆ แรงกดดันที่เกิดจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญเหมือนเดิม


ไป ๆ มา ๆ แรงกดดันที่เกิดจากอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็ยังส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญเหมือนเดิม จนทำให้ “โมนิก้า” ต้องกลับมานั่งทบทวนรูปแบบการเล่นในภาวะตลาดหุ้นสวิงแรงควรเป็นการเล่นแบบไหนถึงจะเซฟสุด! เพราะสิ่งที่เคยกังวลก่อนหน้านี้ ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก แถมนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้..มันเซ็งเป็ดสุด ๆ นะจะบอกให้

เนื่องจากการทะยานขึ้นของหุ้นออกไปในโทนวันเดียวเลิกเป็นส่วนใหญ่ และมีการเปลี่ยนตัวเล่นในแต่ละวันตลอดเวลา “โมนิก้า” จึงขอเดาว่า เริ่มต้นสัปดาห์นี้ก็คงลุยเคาะขวากันอุตลุด หลังจากตลาดหุ้นไทยซึมซับข่าวร้ายไปเยอะพอสมควร ต่อจากนั้นจะเริ่มมีการ take profit เพื่อลดความเสี่ยงอีกครั้ง และจังหวะนี้เองจะเป็นการพิสูจน์ฐานแนวรับที่สูงขึ้นบริเวณ 1,570 จุด มันใช่ของแท้อ๊ะป่าว!

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจสถานการณ์จะเป็นเช่นนั้น ล้วนเป็นผลมาจากวอลุ่มซื้อขายเมื่อวันศุกร์เบาบางลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า คนขาย..ไม่อยากขาย คนซื้อ..ไม่อยากซื้อ จึงเลือกใช้วิธีอยู่เฉย ๆ เป็นการชั่วคราว ดัชนีถึงไหลลงมาปิดที่ระดับ 1,579.66 จุด ลบไป 9.52 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.05 หมื่นล้านบาทท่ามกลางบรรยากาศเซ็ง ๆ ไงละคะ

ถึงกระนั้นก็อยากให้แฟนคลับเข้าใจสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยด้วยว่าถ้ามองเฉพาะปัจจัยภายในประเทศ ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งเป็นจังหวะที่เปิดให้กับหุ้นในกลุ่ม Domestic Play และจะมีการเข้ามาเล่นกันเป็นช่วง ๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นลองชำเลืองตามองหุ้นกลุ่ม อาหาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว ก่อสร้าง ไว้บ้างเล็กน้อยเพราะในไม่ช้าหุ้นกลุ่มนี้จะกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้งเจ้าค่ะ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในจังหวะนี้คือ AAV ซึ่งกลายเป็นหุ้นที่ยกฐานสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่ 2.60 บาท ขยับขึ้นมา 2.70 บาท ต่อเนื่องมาถึง 2.80 บาท และเลยมาถึง 2.90 บาท ขณะที่ล่าสุดหุ้นยืนปิดที่ระดับ 3.10 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 323 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ขาลุยต้องช่วงชิงความได้เปรียบในการเล่นเที่ยวนี้นะคะ

อีกรายที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาทันที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ICHI เพื่อชี้ให้เห็นโมเมนตัมของธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 65 น่าจะมีทีเด็ดบางอย่างออกมาเรียกความเชื่อมั่น เพราะการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 9.30 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 6.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 113 ล้านบาท น่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างเกี่ยวกับผลงานของบริษัท ผสานกับยังมีแก๊ปให้เล่นไม่ต่ำกว่า 20% แบบนี้..น่าจัดสักดอกนะคุณพี่!

หุ้นอีกตัวที่ “โมนิก้า” รู้สึกชอบเป็นประจำเมื่อลงลึก ๆ ต้องโฟกัสไปที่หุ้น HMPRO เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูราคาปิดสิ้นปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า ราคาต่ำสุดที่เคยเห็นอยู่แถว 13.70 บาท และในปีนั้นมีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.39 บาทขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปี 65 มีกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.23 บาท เลยทำให้ราคาปิดเสมอตัวที่ระดับ 13.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 250 ล้านบาท น่าสนใจขึ้นมาทันที! เพราะมันเป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่ำไงละคะ

เม้าท์ถึงเรื่องความเสี่ยงขึ้นมาทั้งที ก็ต้องมองไปที่หุ้นน้องใหม่อย่าง TEGH เพื่อบอกเล่าถึงการทำฐานหุ้นต้องใช้เวลาพอสมควร และเรื่องนี้ก็สัมพันธ์โดยตรงกับกำไรในแต่ละงวดจะออกมาดีขนาดไหน? “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นประเมินการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.94 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 8.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 748 ล้านบาท ซึ่งเป็นการยืนเหนือ IPO ที่ขายในราคา 4.80 บาท ได้อีกครั้งแบบนี้..น่าเล่นขนาดไหนเจ้าคะ

คล้ายกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น AIE แบบไม่ให้มีที่ยืนคราวนี้ มันทำให้ผู้เล่นเริ่มกังวลกับสถานการณ์น้ำมันปาล์มขึ้นมาทันทีแบบนี้ จึงกลายเป็นเกมที่ต้องดูยาว ๆ และสิ่งที่ “โมนิก้า” เคยรับรู้ในช่วงที่คลุกคลีตีโมงกับหุ้นปาล์มมาพักใหญ่ ๆ เขาว่ากันว่า ไตรมาส 4 เป็นช่วงที่ทำผลงานได้ดี จึงอยากให้นักเล่นลองไปเช็กข่าวกันอีกที ต่อจากนั้นจะได้ตรัสรู้ด้วยตนเองว่า การที่หุ้นโดนถล่มจนลงปิดในระดับ 3.58 บาท ลบไป 0.84 บาท หรือลงไป 19% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 517 ล้านบาท เป็นจังหวะที่ต้อง “ซื้อสวน” หรือต้อง “ถอยร่น”..อิอิอิ

Back to top button