ระวังถูกตลบหลัง!
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวานนี้เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากเหลือเกิน เพราะดัชนีพุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 1,573.67 จุด
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายวานนี้เป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากเหลือเกิน เพราะดัชนีพุ่งพรวดขึ้นไปถึงระดับ 1,573.67 จุด ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อยมาปิดที่ระดับ 1,571.40 จุด บวกไป 10.62 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.67 หมื่นล้านบาท มันเหมือนเป็นการบอกให้ทุกคนรู้ว่า เลิกกลัวเรื่องปัญหาเงินเฟ้อที่ตามหลอกหลอน และเลิกกังวลกับการที่ทั่วโลกจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยไปเสียแล้วนะนายจ๋า!
น่าเสียดายที่ “โมนิก้า” ไม่ใช่พวกหัวอ่อนที่มีอารมณ์อ่อนไหวไปตามกระแส จึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้มันคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยตอนนั้นดัชนีทรุดตัวลงมาถึงบริเวณ 1,556 จุด ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด แต่สุดท้ายก็โดนกดลงมาอยู่ที่เดิม เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกยังไม่สบายใจกับปัญหาข้างต้น ผนวกกับดัชนีดาวโจนส์ร่วงวันละสามสี่ร้อยจุด เลยทำให้ทุกอย่างเหมือนพายเรือวนในอ่าง..ยังจำกันได้ไหมจ๊ะ
วันนี้ถึงต้องถามกันตามตรงว่า วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกสร่างไข้กันแล้วจริงเหรอ? เพราะสิ่งที่ “โมนิก้า” รับรู้มาตลอดในช่วง 1 เดือนกว่า ๆ คืออาการของภูมิคุ้มกันเปราะบาง ซึ่งพร้อมจะมีอาการเซหนักอย่างเฉียบพลัน จึงอยากให้นักเล่นประเมินการเล่นต่อจากนี้ให้ละเอียดมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในรายที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กับตัวที่รีบาวด์กลวง ๆ มันคุ้มกับความเสี่ยงจริงเหรอคะ
ตัวแรกที่ต้องเอ่ยถึงแบบไม่เต็มใจ “โมนิก้า” คงมองไปยังหุ้น SAWAD ซึ่งยังมีท่าทีอิดโรยตลอดเวลา ผนวกกับราคาที่เห็นก่อนหน้านี้ก็ต่ำสุด ๆ แต่ยังมีราคาต่ำกว่าให้เห็นอีกจนได้ จึงมองการปิดที่ระดับ 39.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 940 ล้านบาท คงไม่ใช่จุดที่จะเข้าไปตะลุมบอน เพราะเรื่องคุมเพดานดอกเบี้ยยังตามหลอนคนเล่นไม่เลิกน่ะซี
เช่นเดียวกับโมเมนตัมของหุ้น AOT ซึ่งอยู่ในจังหวะโค้งตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 น่าจะเป็นการสะท้อนความกังวลบางอย่างให้เห็นอย่างแจ่มแจ้ง จึงทำให้นักเล่นสถาบันสาดหุ้นออกมาเป็นระลอก จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ 70.25 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 1.05% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.93 พันล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า หากวันนี้ไม่เด้งกลับไป และหลุด 70 บาทแบบง่าย ๆ ก็คงถึงเวลาที่ต้องโกยเถอะโยมแล้วละค่ะ
ส่วนสถานการณ์ที่ทำให้ “โมนิก้า” งงเป็นไก่ตาแตกสุดในช่วงนี้ คงมองไปที่หุ้นประกันชีวิต BLA ซึ่งถูกกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 31.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 604 ล้านบาท โดยบางกระแสก็บอกเม้าท์ว่า ขายทิ้งเพื่อไปถือหุ้นประกันตัวอื่น แต่บางกระแสก็บอกว่า เศรษฐกิจแบบนี้ กำไรไม่มาตามนัดแน่ ๆ เลยอยากให้แฟนคลับช่วยสืบว่า เกิดจากอะไรกันแน่เจ้าค่ะ
สำหรับรายที่ชอบตลบหลังแมงเม่าเป็นประจำ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น CPH เพื่อชี้ให้เห็นการเล่นเที่ยวนี้ค่อนข้างโหดเกินไปหน่อย เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นรอบที่ 3 ที่บรรดาเจ้ามือลากหุ้นแบบไม่เกรงใจใครทั้งนั้น ส่งผลให้หุ้นทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 39.75 บาท บวกไป 5.25 บาท หรือขึ้นไป 15.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 255 ล้านบาท มันเป็นเกมที่แมงเม่าต้องไปเสี่ยงดวงกันเอาเองว่า เจ้ามือจะ “ดัน” หรือ “ทุบ” นะจะบอกให้
คล้ายกับการเด้งของเจ้าพ่อเหมืองคริปโต JTS กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ต้องคิดมากขึ้นไปอีก เพราะการยืนปิดที่ระดับ 56.50 บาท บวกไป 4.50 บาท หรือขึ้นไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์ทุกอย่างเป็นขาลง “โมนิก้า” ถึงไม่เชื่อว่า นี่เป็นการกลับทิศอย่างมีนัยสำคัญ เพราะก่อนหน้าก็เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ แต่สุดท้ายหุ้นก็ทำโลว์ใหม่ให้เห็นอีกนะจ๊ะ
ส่วนการดิ่งลงรุนแรงของหุ้น MORE ก็เสียงร่ำลือหนาหูว่า นี่เป็นหนึ่งในหุ้นการเมืองที่ต้องตุนกระสุนดินดำเพื่อใช้สำหรับเลือกตั้งในปีหน้า “โมนิก้า” จึงอยากให้ขาเผือกช่วยกันตามล่าหาความจริงกันสักหน่อย เพราะการทรุดฮวบลงมาปิดที่ 2.48 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 10.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 983 ล้านบาท มันไม่ใช่เหตุการณ์ปกติของหุ้นที่ทำน้ำขายนะเฮีย!