ITC-AAI ไอพีโอทาสหมาแมว.!

ส่งท้ายปลายปีเสือคำราม 2565 นอกจาก บมจ.เบทาโกร ไอพีโออาหาร (คน) ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ราว 80,000 ลบ. ได้ฤกษ์งามยามดีจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ


ส่งท้ายปลายปีเสือคำราม 2565 นอกจากบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG ไอพีโออาหาร (คน) ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ราว 80,000 ล้านบาท ได้ฤกษ์งามยามดีจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 2 พ.ย.นี้แล้ว ยังมีไอพีโออาหาร (หมาและแมว) อีก 2 บริษัทที่เตรียมจะเข้าตลาดฯ ด้วยนะ

นั่นคือ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ลูกในไส้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ลูกรักบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN..!!

ถ้าเทียบฟอร์มของทั้ง 2 บริษัทน่าสนใจ มีแบ็กใหญ่ด้วยกันทั้งคู่..!?

เริ่มที่มุมแดง ITC ก่อนหน้านี้รู้จักในชื่อ บริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งมาแล้วกว่า 45 ปี หรือตั้งแต่ปี 2520 โดยเป็นเรือธงธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่ม TU รั้งตำแหน่งผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และติด 1 ใน 10 อันดับแรกของโลก

ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของ ITC เน้นไปที่อาหารแมวมากกว่า 72% อาหารสุนัข 12% โดยจะส่งไปขายทั่วโลก แบ่งเป็นตลาดอเมริกา 46% ยุโรป 19% เอเชียและโอเชียเนีย 35%

ผลการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถือว่าแจ่มแมว รายได้โตปีละไม่ต่ำกว่า 15% โดยปี 2562 มีรายได้จากการขาย 10,955 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,695 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 12,224 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,548 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 14,529 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,721 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 2565 มีรายได้จากการขาย 9,707 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,257 ล้านบาท

ITC จะขายหุ้นไอพีโอจำนวน 660 ล้านหุ้น (ยังไม่เคาะราคาไอพีโอ) ล่าสุดกำหนดการจัดสรรหุ้นไอพีโอ ITC แก่ผู้ถือหุ้นเดิม TU ที่อัตรา 35.2662 : 1 เตรียมเข้าเทรดช่วงปลายปีนี้

ส่วนมุมน้ำเงิน AAI ในแง่ประสบการณ์และผลประกอบการอาจตามหลัง ITC แต่ก็มีดีไม่แพ้กัน โดยเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 15 ปี ผลิตภัณฑ์จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) สำหรับสุนัขและแมว ซึ่งครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ

และ 2) ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) มีทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในน้ำปรุงรสและซอสปรุงรส และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกพร้อมทาน ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการแปรรูปปลาทูน่า เช่น ผลิตภัณฑ์ปลาป่น ผลิตภัณฑ์น้ำนึ่งปลา และผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา เป็นต้น

ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ก็เติบโตต่อเนื่องนะ…ปี 2562 มีรายได้จากการขาย 3,588 ล้านบาท กำไรสุทธิ 167 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 4,512 ล้านบาท กำไรสุทธิ 555 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้จากการขาย 4,985 ล้านบาท กำไรสุทธิ 639 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 2565 มีรายได้จากการขาย 3,464 ล้านบาท กำไรสุทธิ 363 ล้านบาท

โดย AAI จะขายหุ้นไอพีโอจำนวน 637.5 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5.55 บาท กำหนดเข้าเทรดภายในเดือน พ.ย.นี้

ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดให้ผู้ถือหุ้นเดิมของ ASIAN จองซื้อหุ้นไอพีโอ ตั้งแต่วันที่ 17-21 ต.ค. ส่วนนักลงทุนรายย่อยจองซื้อหุ้นไอพีโอ ระหว่างวันที่ 21, 25-6 ต.ค.นี้

วัตถุประสงค์การใช้เงิน แบ่งเป็น 1) ลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก 600-700 ล้านบาท 2)ลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่สอง 400-500 ล้านบาท, ชำระเงินกู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว 700-800 ล้านบาท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 281.70-581.70 ล้านบาท

เอาล่ะ…คราวนี้ก็พอรู้แล้วว่า ฟอร์มของแต่ละบริษัทเป็นยังไง แต่จะให้ฟันธงว่าใครเด่น ใครดังกว่ากัน อันนี้ตอบยาก

คงต้องวัดกันที่วันเข้าเทรดแล้วละว่า ใครจะเป็นมวยต่อยเวทีลุมพินี หรือเป็นได้แค่มวยวัดด้วยกันทั้งคู่..!!??

…อิ อิ อิ…

Back to top button