พาราสาวะถี
การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่คงไม่ใช่กับคนที่ผิดสัญญามานับครั้งไม่ถ้วน เราไม่ทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แต่อยู่มาเกินกว่า 8 ปี
ปิดปากไม่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวปมการเมืองจากการกลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ไม่อยากตอบโต้หรือตกเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ความเป็นจริง คือ ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว ดังนั้น ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงเลือกที่จะเงียบไปเลยดีกว่า เนื่องจากแต่ละประเด็นที่เกิดขึ้นเวลานี้ไม่ว่าจะตอบอย่างไรล้วนแล้วแต่ไม่เป็นผลดีต่อตัวเองทั้งสิ้น ยิ่งเรื่องของเดี่ยว 13 กับบรรดานักร้องทั้งหลายถามว่ามีมุมไหนที่เป็นประโยชน์หรือสร้างคะแนนนิยมให้กับท่านผู้นำบ้าง
ขณะที่มิติที่ว่าด้วยความมั่นคงของรัฐบาลแยกเป็นในส่วนของ ครม.กับพรรคแกนนำ ก็เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยแรงกดดัน การปรับ ครม.ไม่เฉพาะของพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยที่เป็นภาคบังคับ แต่กับพรรคสืบทอดอำนาจก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า 2 เก้าอี้ที่ริบคืนไปจะยังคงเป็นโควตาของพรรคอยู่หรือไม่ หรือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะลักไก่ตั้งคนใกล้ชิดของตัวเองเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งนั่นมันก็จะหมายความไปถึงการกำหนดทิศทางทางการเมืองของตัวเองต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าไปในตัวด้วย
หากคืนสองเก้าอี้ให้พรรคแกนนำ ก็จะทำให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.สามารถจัดการวางกลไกเพื่อเอื้อต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ได้ แต่ไม่ได้เกิดมรรคผลใด ๆ ต่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เพราะพรรคไม่ได้การันตีว่าจะส่งชื่อตัวเองเพียงคนเดียวเป็นแคนดิเดตนายกฯ แน่นอน เหตุผลที่จะยกมาอ้าง คือ เงื่อนไขความเป็นนายกฯ ได้อีกไม่เกิน 2 ปีหลังตั้งรัฐบาล พรรคจึงจำเป็นต้องเสนอชื่อคนอื่นประกบ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ
ดังนั้น การตั้งคนที่ตัวเองไว้วางใจเข้ามาเป็นรัฐมนตรี และที่จะไปเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อผลักดันตัวเองแต่เพียงผู้เดียวจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นไปได้มากกว่า ข่าวการลาออกจากการเป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ ของ ทศพร ศิริสัมพันธ์ จึงถูกเชื่อมโยงเข้ากับประเด็นการปรับ ครม.อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน นั่นเท่ากับว่าถ้าน้องเล็กตั้งคนของตัวเองโดยใช้โควตาที่เคยเป็นของพรรคสืบทอดอำนาจ เส้นทางเดินบนถนนสายเลือกตั้งครั้งหน้าระหว่างสองพี่น้องต้องแยกทางกัน
จึงไม่แปลกกับความพยายามของ ส.ส.บางคนในพรรคสืบทอดอำนาจที่เคลื่อนไหว เรียกร้องให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศความชัดเจนทางการเมือง และสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคสืบทอดอำนาจให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อการันตีว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม จนพี่ใหญ่ถึงกับหลุดคำว่า “ไอ้” เมื่อถูกนักข่าวจี้ถามถึงประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม อีกด้านการลดท่วงทำนองทางการเมืองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจหนนี้ พวกมองโลกสวยก็พากันคิดไปว่า น่าจะเป็นการเตรียมวางมือทางการเมือง
การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่คงไม่ใช่กับคนที่ผิดสัญญามานับครั้งไม่ถ้วน เราไม่ทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แต่อยู่มาเกินกว่า 8 ปี ถ้าไม่ติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญเวลาไม่ถึง 2 ปีที่ว่าคงไม่พอแน่ ปัจจัยที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจวางมือไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของตัวเองหรือสิ่งที่เคยประกาศไว้ว่าจะลงจากหลังเสือต้องฆ่าเสือก่อน หากแต่บรรดาลิ่วล้อที่พากันยกหางยังคงต้องการให้อยู่ต่อเพราะไอโอที่ทำกันไว้นั้นมันไปไกลเกินกว่าที่จะยอมวางมือแล้วหันหลังกลับกันง่าย ๆ
ความขัดแย้ง แตกแยกที่ถูกถ่างให้กว้างขึ้น อันเกิดจากบรรดาผู้รับงานทั้งหลายที่ยังคงโจมตีฝ่ายตรงข้าม ให้ร้ายป้ายสีอยู่ตลอดเวลา มันจึงเป็นสิ่งที่พวกกองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตาเกรงว่าถ้าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจถอดใจไปแล้ว พวกตนจะกลายเป็นคนตกยุค ถูกประณามหยามหมิ่น อยู่ยากในสังคมที่คนส่วนใหญ่ก้าวข้ามความขัดแย้ง หรือแม้แต่กระทั่งคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว ความสงบเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีลุงถูกพิสูจน์มาแล้วช่วงที่พี่ใหญ่รักษาราชการแทนนายกฯ แค่เดือนเศษ
ความนิ่งทางการเมืองเวลานี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอาศัยอำนาจพิเศษ ต้องใช้คนอย่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงจะเอาอยู่ หากแต่ผู้คนส่วนใหญ่มองตรงกันว่า บ้านเมืองถึงเวลาที่จะต้องมุ่งหน้าไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตโดยอาศัยผู้บริหารที่มีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ความเห็นต่างหรือความขัดแย้งไม่จำเป็นต้องหมดไป แต่คนของแต่ละฝ่ายที่ไม่ใช่พวกสุดโต่งต่างมองเหมือนกันต้องแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้
จากโจทย์แบบนี้ มันจึงกลายเป็นที่มาของความไม่ลงรอยในเชิงความคิดของพี่น้องแก๊ง 3 ป. เพราะพี่ใหญ่ที่คร่ำหวอดทางการเมืองมายาวนานตีโจทย์แตก หลัง 8 ปีที่น้องเล็กได้เข้ามาบริหารบ้านเมืองนั้น มันได้สร้างความประทับใจให้กับประชาชน หรือเกิดความเบื่อหน่ายกันแน่ มองเห็นจุดที่จะต้องปรับแก้หากยังคงจะเดินบนเส้นทางการเมืองต่อไป แต่น้องรองและน้องเล็กยังคงเชื่อมั่นในกระบวนการที่ขบวนการสืบทอดอำนาจได้วางเอาไว้ ยังไงก็อยู่ในอำนาจต่อไปได้โดยไม่ต้องไปแยแสกับกระแสวิจารณ์หรือต่อต้านใด ๆ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การสมานบาดแผลขัดแย้งระหว่างพี่ใหญ่กับน้องทั้งสองไม่ประสบความสำเร็จ คือพวกลิ่วล้อและผู้ได้รับผลประโยชน์จากความใกล้ชิด และสนับสนุนผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงใดก็ตาม ที่คอยเสี้ยมอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าระยะหลังบางคนจะถูกดีดไปจากวงโคจร แต่ก็ยังมีอีกจำนวนไม่น้อยที่คอยสอพลอเพราะมีเดิมพันจากสิ่งที่ได้ลงทุนกันไปมหาศาล มันจึงเป็นจุดวัดใจ ซึ่งบรรดากุนซือของพี่ใหญ่ต่างฟันธงตรงกันว่า น้องเล็กไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป
การเดินหมากทางการเมืองเพื่อรับมือศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้น มันจึงกลายเป็นการชิงไหวชิงพริบกันทั้งของเครือข่ายอำนาจเผด็จการเดิม กับพวกอุ้มสมเผด็จการสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นการตกปลาในบ่อเพื่อน ที่ทำไปทำมาจากเดิมสองพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยและก้าวไกลถูกมองว่าจะมี ส.ส.ไปกินกล้วยกันจำนวนมาก สุดท้ายกลายเป็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลเวลานี้ต่างพาระแวงกันเอง ไม่ใช่แค่ ส.ส.เท่านั้น แต่คนระดับรัฐมนตรีก็มีอีกหลายรายที่เตรียมจะย้ายคอกเมื่อถึงเวลาอันควร