ส่องบทวิเคราะห์ JASIF

การประชุมสมัยวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF มติโหวตที่ออกมา คือ เห็นด้วยกับการให้ JAS ขายหน่วยลงทุนใน JASIF


การประชุมสมัยวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน JASIF

มติโหวตที่ออกมาคือเห็นด้วยกับการให้ JAS ขายหน่วยลงทุนใน JASIF

และอีกวาระคือการแก้ไขรายละเอียดบางประการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาข้อตกลง และยกเลิกสัญญาบัญชีธนาคาร และแก้ไขโครงการจัดการกองทุนรวมตามที่จำเป็น

ส่วนที่ไม่ผ่านคือ ผู้ถือหน่วยลงทุนฯ ไม่ยอมรับการแก้ไขสัญญาจัดหาผลประโยชน์ (วาระ 1.2)

เมื่อผลออกมาแบบนี้ ทำให้เอไอเอส ต้องกลับไปทบทวนท่าทีใหม่อีกครั้ง

จะเดินหน้าต่อ หรือล้มดีลไปเลย

ทีนี้เรามาดูในมุมมองของนักงวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่เขาติดตามเรื่องนี้กัน

เริ่มจาก บล.โนมูระ พัฒนสิน

โนมูระฯ มีมุมมอง Slightly Negative Sentiment ต่อ JASIF ภายใต้ความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้นของดีลนี้

เพราะหากเอไอเอสตัดสินใจยกเลิกธุรกรรมครั้งนี้ที่คาดจะทำให้ราคาเป้าหมายและคำแนะนำลงทุน จึงมองเป็นลบเล็กน้อยต่อราคาหุ้น JASIF จึงแนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัวสำหรับ JASIF

ส่วนการประมาณการกำไรจากการลงทุนของ JASIF

ตั้งแต่ปี 2566 จะกลับไปใช้ตามเงื่อนไขปัจจุบันมีประกันรายได้และไม่มีส่วนลดค่าเช่า

คาดว่าในปี 2566-2568 จะจ่ายเงินปันผลราว 0.91 บาทต่อหน่วย คิดเป็น Dividend yield ที่ 10.9%

โนมูระฯ ประเมินว่า “มีโอกาสน้อย” ที่เอไอเอสจะกลับไปทบทวนปรับเปลี่ยนเงื่อนไข และราคาเสนอซื้อหน่วยลงทุนใหม่

เหตุผลเพราะ ดีลต้องนับหนึ่งใหม่เกือบทั้งหมด

มาดูของ บล.บัวหลวง กันบ้าง

บัวหลวง วิเคราะห์ว่า เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างหนักสำหรับเอไอเอสว่า ยังคงต้องการซื้อ TTTBB และ JASIF หรือไม่ โดยจ่ายอัตราค่าเช่าเดิมให้กับ JASIF

บัวหลวงไม่ได้วิเคราะห์หรือฟันธงว่าเอไอเอสจะซื้อแน่ ๆ หรือจะล้มดีล

แต่จะมองไปยังมุมภายใต้ข้อสมมติฐานที่ว่า หากดีลนี้ถูกยกเลิก จะไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของ JASIF

ในแง่ของรายได้ค่าเช่าสำหรับสัญญาเช่าหลัก (ตลอดจนสิ้นสุดเดือน ม.ค. 2575) และสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า (สิ้นสุดเดือน พ.ย. 2568 และใช้สมมติฐานการต่ออายุสัญญาประกันรายได้ออกไปทุก ๆ 3 ปี) และเงินปันผลต่อหน่วย

ราคาเป้าหมาย JASIF จากวิธี DCF ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 12.6 บาท

ส่วนความเสี่ยงในแง่ของการจ่ายค่าเช่าของ TTTBB ในอนาคต

ถ้าอิงกับประมาณการ EBITDA ของ TTTBB ที่ 1.3 หมื่นล้านบาทต่อปีในปี 2565

มองว่า EBITDA ของ TTTBB ยังคงจ่ายค่าเช่าให้แก่ JASIF จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปีได้ และจ่ายภาระดอกเบี้ยจ่าย บางส่วนได้ โดยภาระดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็น 3.5 พันล้านบาทต่อปี

ดังนั้นบริษัทอาจจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพิ่มเติม ทำการรีไฟแนนซ์ภาระหนี้หรือ เพิ่มทุน

เพื่อให้สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เหลือและเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท และหากว่า TTTBB ทำได้อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น จึงไม่เห็นว่า TTTBB จะมีปัญหาในการชำระค่าเช่าให้ JASIF

ส่วน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีมุมมองเชิงลบถึงลบที่สุด

แนะนำให้นักลงทุน “ขาย”

และให้ราคาเป้าหมายเพียง 6.40 บาท ต่อหน่วยลงทุน

นักวิเคราะห์ เมย์แบงก์ฯ แสดงความมั่นใจว่า แม้วาระ 1.2 จะไม่ผ่าน

ทว่าเอไอเอสจะซื้อ TTTBB และ JASIF เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสมาชิก FBB (Fixed Broadband) จาก 16% เป็น 35% ซึ่งเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และกำจัดคู่แข่งรายใหญ่

ปัจจัยลบ คือการยกเลิกสัญญาห้ามทำการค้าแข่งกับนายจ้างไป

ประเด็นนี้ทำให้เอไอเอสสามารถให้บริการไฟเบอร์ในพื้นที่เดียวกับ JASIF

ดังนั้น เอไอเอเสจะยุติการเช่าไฟเบอร์จาก JASIF ได้หลังจากที่สัญญาหมดอายุในเดือน มกราคม 2575

ในทางกลับกันหากเอไอเอสตัดสินใจที่จะไม่ซื้อ JASIF และ TTTBB มีการประเมินมูลค่ายุติธรรมของ JASIF ที่ 8.2 บาท

สุดท้ายคือ บล.กสิกรไทย ที่ออกบทวิเคราะห์ว่า เอไอเอส จะซื้อทั้ง TTTBB และ JASIF แน่นอน แม้ว่าวาระ 1.2 จะไม่ผ่าน

แต่ให้คำแนะนำเพียง “ถือ” เท่านั้น

Back to top button