ยานลูก SCBX เริ่มขยับ

ยุทธศาสตร์ของ SCBX จะแบ่งเป็น 3 ช่วง โดยเฟสที่ 1 ในช่วง 1-2 ปีนี้ จะเป็นช่วงเวลาในการวางโครงสร้างพื้นฐาน (Foundation Building)


เส้นทางนักลงทุน

การปรับตัวครั้งใหญ่ตามเป้าหมายในการเป็นยานแม่ของบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB (SCBX) ด้วยการกำหนดยุทธศาสตร์ 5 ปี (ปี 2565-2569) ได้ปักหมุด 3 ธีมหลักขับเคลื่อนองค์กร ประกอบด้วย ธีมแรก Income Inequality คือเปลี่ยนตัวเองเป็น Financial Inclusion การสร้างธนาคารไม่มีสาขา (Virtual Bank) Digital Bank และ Consumer finance นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยให้ต้นทุนต่ำลง เปิดให้คนรายได้ต่ำ คนเข้าไม่ถึงสถาบันการเงิน (Unbank) สามารถเข้าถึงเรื่องของการเงิน โดยลดภาระการเข้าถึง

ธีมที่ 2 Disruptive Technologies คือ สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) บล็อกเชน (Blockchain) โดย SCBX จะโฟกัสไปที่ Evolution หรือการใช้เทคโนโลยีของบล็อกเชนสร้างองค์ประกอบของโครงสร้างพื้นฐานทั้งตลาดทุนที่มีตลาดแรกและตลาดรอง และตลาดของธนาคารที่มีระบบแบงกิ้ง มีระบบการกู้ยืม มีเงินและมีการรับฝากเงินเพื่อมา Replace ระบบเดิม เพราะระบบใหม่มีความยืดหยุ่น ตอบสนองคนที่อยู่ใน Ecosystem ได้ดีกว่า

และธีมที่ 3 Global Climate Change หรือการลดก๊าซเรือนกระจกลง ซึ่ง SCBX มองเห็นโอกาสว่าบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กจำเป็นต้องปรับตัว จึงจะเป็น Total Solution Provider ให้กับผู้ประกอบการกลุ่มนี้

ยุทธศาสตร์ของ SCBX จะแบ่งเป็น 3 ช่วง โดยเฟสที่ 1 ในช่วง 1-2 ปีนี้ จะเป็นช่วงเวลาในการวางโครงสร้างพื้นฐาน (Foundation Building) ลงทุนในเรื่อง Cloud, AI และ Cyber Security มีการจับมือกับพันธมิตรระดับโลกในการสร้าง “Center Excellence”

ใช้ทั้งวิธีควบรวมกิจการ (M&A) มองหาสาขาใหม่ในเรื่องที่ไม่ใช่แบงกิ้ง รวมถึงมีการจัดตั้ง “Innovation Lab” ในต่างประเทศ เพื่อหาเทคโนโลยีในอนาคต และร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในต่างประเทศทำเรื่องวิจัยและพัฒนา (R&D) ในเรื่องของ AI, Cyber และ Blockchain

ส่วนเฟสที่ 2 ขยายการเติบโตจากในประเทศไปในภูมิภาคหรือต่างประเทศ และเฟสสุดท้ายในปีที่ 5 ธุรกิจ Consumer finance จะพร้อมในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ IPO และธุรกิจ Platform จะต้องพร้อมเป็นยูนิคอร์น และสินทรัพย์ดิจิทัล จะมีความพร้อมทุกโครงสร้างพื้นฐานทั้งในตลาดแรกและตลาดรอง หรือแม้จะเป็นการซื้อขายฝากหลักทรัพย์

ยานลูกในกลุ่ม SCBX เริ่มขยับตามยุทธศาสตร์ยานแม่ ในส่วนของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนนั้น บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) มีผู้ประกอบการกว่า 10 รายในหลากหลายธุรกิจ สนใจให้พัฒนาโทเคนดิจิทัล มีทั้งในรูปแบบ Investment Token (โทเคนเพื่อการลงทุน) และ Utility Token (โทเคนเพื่อการใช้งาน)

Token X มองสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกระจายการลงทุน มีความปลอดภัย ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทโทเคนไปต่อยอดธุรกิจได้อย่างหลากหลาย

ผลงานของ Token X ที่ได้พัฒนาโทเคนออกมาแล้ว ได้แก่ BNK Token ซึ่งเป็น Utility Token สำหรับใช้ในการโหวตของแฟนคลับ BNK, SC Morning Coin เป็น Utility Token ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้านของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC และแพลตฟอร์ม NFT ที่ใช้ชื่อว่า Collect X ซึ่งเป็นการให้ทดลองการสร้างสรรค์และใช้งาน NFT ของ Token X เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้

Token X จะเน้นทำธุรกิจในประเทศก่อน ส่วนการขยายไปยังต่างประเทศนั้น จะเป็นแนวทางในการมีพันธมิตรต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมในการต่อยอดการทำธุรกิจในต่างประเทศมากกว่า

ขณะที่ อีกหนึ่งบริษัท คือ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ได้ปรับยุทธศาสตร์ต่อยอดการให้บริการด้านการลงทุนแบบดั้งเดิม สู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งเป้าสู่การเป็นผู้นำทุกด้านการลงทุน และสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรแห่งภูมิภาคอาเซียน พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ภายใต้ชื่อ InnovestX App ซูเปอร์แอปฯ แรกในไทยที่รวมทุกสินทรัพย์ในแอปฯ เดียว ครอบคลุมทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ดิจิทัล

โดยจะขยายจำนวนผู้ใช้งาน 4-5 ล้านราย และเป็น Top 5 ในธุรกิจด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลในอาเซียนภายใน 3 ปี ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และทำ IPO ต่อไป

InnovestX เป็นบล.เดียวในประเทศที่ได้รับใบอนุญาตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และใบอนุญาตซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่ไปกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์อื่น ๆ

แม้ผลงานยานลูกในกลุ่มยังไม่ออกดอกออกผลชัดเจน แต่บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คาดกําไรไตรมาส 3 ของ SCBX จะเติบโตจากไตรมาสก่อน 3% และ 17% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 10,314 ล้านบาท แม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจทรงตัว หลังแนวโน้มสินเชื่อยังไม่เติบโต รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอาจอ่อนตัว เนื่องจากค่าธรรมเนียมธุรกิจตลาดทุน และกําไรจากเงินลงทุน มีแนวโน้มอ่อนตัวตามภาวะตลาดฯ แต่ค่าใช้จ่ายสํารองหนี้คาดว่าจะลดลง 11% เพราะในไตรมาส 2 มีการตั้งสํารองส่วนเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม อาจเห็นกําไรไตรมาส 4 อ่อนตัวจากไตรมาสก่อน แม้ว่ามีปัจจัยบวกจากค่าธรรมเนียมธุรกิจกองทุนและประกันที่เพิ่มตามฤดูกาล แต่ค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอาจเพิ่มขึ้น

ประมาณการกําไรปี 2565 ที่ 39,672 ล้านบาท (+11.4% จากปีก่อน) โดยกําไรงวด 9 เดือนที่คาดการณ์คิดเป็นราว 77% ของประมาณการทั้งปี ยังคงแนะนํา “ซื้อ” ได้ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 144 บาท อิง P/BV 1.01 เท่า

ถึงโบรกเกอร์จะมอง SCBX เชิงบวก แต่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ คุณภาพหนี้ ถือเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนยังต้องติดตาม

Back to top button