‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ กำลังครองโลก.!?
งานแสดงรถยนต์นานาชาติ Paris Motor Show 2022 ปิดฉากลงไปแล้ว แกนหลักคือการนำรถยนต์นวัตกรรมใหม่เชิงปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์มาจัดแสดง
งานแสดงรถยนต์นานาชาติ Paris Motor Show 2022 ปิดฉากลงไปแล้ว แกนหลักคือการนำรถยนต์นวัตกรรมใหม่เชิงปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์มาจัดแสดง มีบริษัทเข้าร่วมกว่า 100 แห่ง มีการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า พลังงานผสมเชื้อเพลิงไฮโดรเจน รถยนต์ออกแบบสำหรับอนาคต เทคโนโลยีภายในรถยนต์ และรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีการเดินทางอัจฉริยะ มาอวดโฉม
“รถยนต์พลังงานใหม่” กลายเป็นพระเอกของงาน รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจีน ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นั่นคือบริษัทรถยนต์ BYD ที่นำรถไฟฟ้า 3 รุ่นนั่นคือรุ่นถัง-ฮั่นและหยวน มาจัดแสดง โดย BYD ร่วมกับพันธมิตรอย่าง “เชลล์” ที่มาพร้อมการชาร์จรถยนต์ที่พิเศษด้วยแท่นชาร์จเชลล์ 300,000 แห่ง ในยุโรปสำหรับผู้ขับรถ BYD
เช่นเดียวกับบริษัทรถยนต์ “ฉางเฉิง” ที่นำรถยนต์พลังงานใหม่หลายรุ่นรวมถึง “โอร่ากู้ดแคท” มาจัดแสดง และบริษัท ตงเฟิง (DongFeng) ที่นำแบรนด์ “เซเรส” (SeRes) หลายรุ่นมาจัดแสดง พร้อมประกาศตั้งศูนย์จำหน่ายและบริการหลายสิบแห่งในฝรั่งเศส ภายในสิ้นปีนี้และเป้าหมายยอดขาย 1,500 คันภายในปี 2023
ด้วยนโยบายแข็งแกร่งและความทะเยอทะยานของรัฐบาลจีน กลายเป็นปัจจัยสำคัญทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนประสบผลสำเร็จในต่างประเทศ โดยจีนมีการส่งออกรถยนต์ 301,000 คัน ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 73.9% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันปีก่อน ถือว่าตอกย้ำผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
โดย 301,000 คันดังกล่าว พบว่าเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ 50,000 คัน เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จากเดือนกันยายนปีที่แล้ว เป็นข้อมูลที่บอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังได้รับความนิยมในหลาย ๆ ประเทศ และสื่อของจีนรายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าของจีนไม่เฉพาะได้รับความนิยมในประเทศกำลังพัฒนา แต่ประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปมีการนำเข้ารถยนต์จากจีนจำนวนมากเช่นกัน
เหตุผลหลักคือ “รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน” ราคาถูกกว่า คุณภาพดีกว่าหลาย ๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรป ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีน SAIC MG ทำยอดขายสูงสุด คว้ารางวัลแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศสวีเดนเป็นครั้งแรก และผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนหลายแห่งประสบความสำเร็จในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าไปยุโรป เช่น Chery Group, BYD, NIO, XPeng, WM Motor, Changan, Great Wall, Geely และ Dongfeng
หัวใจสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนประสบผลสำเร็จคือ การสนับสนุนจากรัฐบาลจีน..นั่นเอง
รัฐบาลจีนสนับสนุนทรัพยากรภายในประเทศเต็มที่ โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนา เพื่อผลิตส่วนประกอบสำคัญ เช่น แบตเตอรี่และเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ มีการตัดทอนมาตรการที่เป็นอุปสรรคออกเพื่อให้ราคาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าถูกลงไม่ว่าจะเป็นการลดภาษี รวมถึงสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานการผลิต การชาร์จแบตเตอรี่สำหรับผู้ใช้รถ..
อีกแรงส่งสำคัญมาจากสหภาพยุโรป ที่มีมาตรการสั่งห้ามการขายรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงเผาไหม้ในยุโรปภายในปี ค.ศ. 2035 โดยมีนอร์เวย์เป็นประเทศแรก ๆ ที่ผลักดันมาตรการนี้ ซึ่งนอร์เวย์จะขายรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2025 หรือภายใน 3 ปีนี้แล้ว
และนี่เป็นสัญญาณบอกว่า “รถยนต์ไฟฟ้าจีน..กำลังครองโลก” ในอีกไม่ช้านี้แน่นอน..!!!