JWD ใหญ่.! ใต้ร่ม SCC
แม้งบไตรมาส 3/2565 ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่เพิ่งประกาศออกมาหมาด ๆ ตัวเลขไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร
แม้งบไตรมาส 3/2565 ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่เพิ่งประกาศออกมาหมาด ๆ ตัวเลขไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร โดยมีกำไรสุทธิ 2,444 ล้านบาท ลดลง 64% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,817 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้
แต่ที่สร้างความเซอร์ไพรส์เห็นจะเป็นการที่บอร์ด SCC ไฟเขียวให้บริษัทลูกที่ชื่อว่า บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) ควบรวมกิจการกับบรษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ต่างหากล่ะ…แหม๊ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไง จู่ ๆ SCC ก็ประกาศเปรี้ยง จะส่งลูกไปควบรวมกับ JWD ซะงั้น..?? ฮือฮากันทั้งบางสิเจ้าคะ…
จะว่าไปดีลนี้ก็คล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่ SCC ไปซื้อบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL นะ ซึ่งตอนนั้น GLOBAL เพิ่งเข้าตลาดฯ พอดี โดยซื้อหุ้นจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วใช้โกลบอลเฮ้าส์เป็นดิสทริบิวชั่นของกลุ่ม SCC ไปโดยปริยาย…
ครั้งนี้ SCC ก็ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เหมือนกัน…แต่สิ่งที่แตกต่างคือวิธีการ ซึ่งจะใช้วิธีสว็อปหุ้น หรือแลกหุ้นกัน..!!
โดย JWD จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 791 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 24.02 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นของ SCGL ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จํากัด (SCG CBM), บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จํากัด (SCG Distribution) และ Yamato Holdings เพื่อแลกกับหุ้นทั้งหมดของ SCGL มูลค่ารวมราว 18,660 ล้านบาท คาดธุรกรรมจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1 ปี 2566
หลังจากนั้นจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่ให้ไฉไลกว่าเดิม เป็นบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD โดยมีเป้าหมายให้ SCGJWD กลายเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนใหญ่สุดในอาเซียน มีธุรกิจในกว่า 8 ประเทศ
นั่นจะทำให้ใน SCGJWD มี SCC ถือหุ้นใหญ่ที่ 42.9% ตามมาด้วยกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ JWD ถือหุ้น 31.8% และผู้ถือหุ้นอื่น ๆ อีก 25.3%
ก็น่าสนใจ ต่อไปเรื่องโลจิสติกส์ SCC คงใช้ SCGJWD เป็นเรือธงในการบุกตลาด โดยเฉพาะโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ส่วนตลาดในประเทศมี “แมวดำคาบลูก” หรือที่รู้จักภายใต้ชื่อใหม่ SCG Express อยู่แล้ว
ในมุม SCC เป็นการโตทางลัด ได้เครือข่ายโลจิสติกส์ในอาเซียนที่แข็งแกร่งเข้ามาอยู่ในพอร์ต ในขณะที่ตัวของ SCC ก็มีดิสทริบิวชั่นในต่างประเทศอยู่แล้ว ก็สามารถเชื่อมโยงกันได้ จะเกิด Economies of Scale ประหยัดต้นทุนต่อหน่วยมากขึ้น
ส่วนมุม JWD ก็จะได้แอสเซทของ SCGL เข้ามา ซึ่งจะทำให้พอร์ตของ JWD ใหญ่ขึ้นชั่วข้ามคืน..!! แล้วการมาอยู่ภายใต้ชายคา SCC ก็จะทำให้มีสง่าราศีมากขึ้น
โอเค…อาจจะมีข้อเสียตรงที่เดิมเป็นเจ้าของ มีอำนาจในการบริหารจัดการเบ็ดเสร็จ แต่พอมาอยู่ภายใต้ SCC ก็อาจจะไม่คล่องตัวเหมือนก่อน
ส่วนในมุมผู้ถือหุ้นรายย่อยของ JWD ถ้าดูราคาเพิ่มทุนที่ 24.02 บาท เทียบกับราคาปิดในกระดานเมื่อวันที่ 26 ต.ค. (วันที่ประกาศดีล) อยู่ที่ 21.60 บาท ก็ไม่เสียหายมากนัก ประกอบกับหลังจากควบรวมกันแล้ว SCGJWD จะมีกำไรมากกว่ากำไรของ JWD เดี่ยว ๆ เสียอีก ก็น่าจะชดเชยกับไดลูชั่นเอฟเฟกต์ที่จะเกิดขึ้นได้
เรียกว่าวิน-วินกันทุกฝ่าย..!!
แต่ก็มีคำถามตามมาอีกว่า ที่ผ่านมา JWD ฟอร์มก็สดอยู่นะ ปี 2564 มีรายได้รวม 5,293 ล้านบาท ฟาดกำไรสุทธิ 571 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีแรก 2565 มีรายได้รวม 2,788 ล้านบาท ตุนกำไรสุทธิไว้แล้ว 279 ล้านบาท…แล้วไหงไปควบรวมกับ SCC เสียล่ะ..?? อดสงสัยไม่ได้นะเนี่ย…
เอาเหอะ…เชื่อว่าผู้บริหาร JWD คงตีลังกาคิดมาแล้วว่า การไปอยู่ภายใต้ชายคา SCC น่าจะดีกว่าเดินลำพังละมั้ง..!!
ส่วนวานนี้ (27 ต.ค) ที่เห็นนักลงทุนตอบรับดีลนี้ ด้วยการเทขายหุ้น JWD จนราคาทรุดไป 7.87% ปิดตลาดที่ 19.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 766.19 ล้านบาท ระวังจะขายหมู…ไม่รู้ด้วยนะ..!!??
…อิ อิ อิ…