JKN กับการพึ่งพิง ‘หุ้นกู้แปลงสภาพ’.!?

ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา JKN ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใช้บริการ “หุ้นกู้ระยะยาวและหุ้นกู้แปลงสภาพ” มากที่สุดตัวหนึ่งก็ว่าได้


เส้นทางนักลงทุน

ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใช้บริการ “หุ้นกู้ระยะยาวและหุ้นกู้แปลงสภาพ” มากที่สุดตัวหนึ่งก็ว่าได้ เพราะนับตั้งแต่ปี 2563-2565 พบว่า JKN มีการออกหุ้นกู้ระยะยาวและหุ้นกู้แปลงสภาพไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท

โดย JKN มีการออกหุ้นกู้ระยะยาวทั้งหมด 6 ชุด จะมีส่วนที่จะถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี ประมาณ 1,295 ล้านบาท โดยมีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ 6.25-6.60% ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนชุดสุดท้ายวันที่ 10 มิ.ย. 2567 หรืออีก 1 ปี 8 เดือนนับจากปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2563 JKN ออกหุ้นกู้แปลงสภาพเฉพาะเจาะจง (PP) ให้แก่ North Haven Thai Private Equity มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอน 24 ม.ค. 2568 ตามด้วยการออกหุ้นกู้แปลงสภาพเฉพาะเจาะจง (PP) ให้แก่ Advance Opportunities Fund (AO Fund) และ Advance Opportunities Fund 1 (AO Fund 1) มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยรายครึ่งปี มีวันครบกำหนดไถ่ถอน 3 ปี นับจากวันที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพแต่ละชุด โดยแบ่งออกเป็น 3 ชุด แต่ละชุดมูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท

การออกหุ้นกู้แปลงสภาพเฉพาะเจาะจงทั้ง 2 ครั้งกับ North Haven Thai Private Equity และ Advance Opportunities Fund (AO Fund) และ Advance Opportunities Fund 1 (AO Fund 1) มีวัตถุประสงค์เพื่อ refinance หุ้นกู้ระยะยาวที่มีภาระอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 6.6%

ข้อดีของการออกหุ้นกู้แปลงสภาพต่อ JKN คือ มีการจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าหุ้นกู้ปกติ และผู้ถือหุ้นบริษัทจะไม่เผชิญกับ Dilution Effect ในทันที เหมือนการระดมทุนผ่านการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนและส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ในอนาคตดีขึ้น เมื่อผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิในการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญเมื่อสภาวะแวดล้อมเอื้ออำนวย

ส่วนข้อดีต่อนักลงทุนคือมีสิทธิเลือกที่จะแปลงสภาพหรือไม่ กรณีแปลงสภาพจะเกิดขึ้นกรณีที่ราคาหุ้นขึ้นสูงกว่าราคาใช้สิทธิแปลงสภาพหรือเลือกที่จะถือหุ้นต่อไป ถ้าราคาหุ้นไม่ดีเพื่อรอไถ่ถอนเมื่อครบกำหนดที่ผ่านมามีการแปลงสภาพหุ้นกู้ไปเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 2 ล้านหุ้นเท่านั้นเอง ล่าสุด JKN มีวงเงินคงเหลือสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท

หากพิจารณาโครงสร้างหนี้ JKN พบว่า หนี้สินสัดส่วนหลัก ๆ คือหุ้นกู้ระยะยาวและหุ้นกู้แปลงสภาพ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 42.5% ของหนี้สินทั้งหมด ที่ผ่านมานับจากต้นปี 2565 จนถึงต้นเดือน ต.ค. 2565 ราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงมาถึง 55.56% หากพิจารณางบการเงินงวด 6 เดือนแรก พบว่ารายได้จากการดำเนินงานเติบโต 10.45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายสุทธิเพิ่มขึ้น 19.34% ตัวเลขกำไรสุทธิรอบ 6 เดือน ลดลง 43.7%

ส่วนอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ลดลงเหลือ 7.7% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 17.76% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรเมื่อเทียบกับยอดขายของ JKN ต่ำลง

ขณะที่ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ลดลงมาที่ 3.84% เทียบกับ 11.39% เมื่อช่วง 6 เดือนแรกปีก่อน แสดงถึงอัตราการทำกำไรที่แย่ลง ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เพิ่มขึ้นเป็น 2.0 เท่า เทียบกับ 1.68 เท่าจาก 6 เดือนแรกปีก่อน แสดงให้เห็นถึงภาระหนี้สินที่สูงขึ้น อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ลดลงมาที่ 0.93 เท่า เทียบกับ 1.93 เท่า ในช่วงครึ่งแรกปีก่อน สะท้อนถึงสภาพคล่องการชำระหนี้ระยะสั้นของบริษัทที่ลดลง

หากดูงบกระแสเงินสดรอบครึ่งแรกปี 2565 พบว่า JKN มีกระแสเงินสดรับสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 96 ล้านบาท เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน 642 ล้านบาท ผ่านการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าซื้อลิขสิทธิ์รายการเป็นจำนวนเงินสูงถึง 597 ล้านบาท ขณะที่กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงินเท่ากับ 983 ล้านบาท หลัก ๆ มาจากเงินสดสุทธิจากการออกหุ้นกู้ 869 ล้านบาท และเงินสุดสุทธิจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 273 ล้านบาท มีการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว จากสถาบันการเงิน 151 ล้านบาท

การที่ JKN จะหวังพึ่งพิงตัวช่วยจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน โดยการ refinance หุ้นกู้ระยะยาวที่ดอกเบี้ยสูงกว่า 6% ต่อปี มาเป็นหุ้นกู้แปลงสภาพชุดใหม่ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 0.5% ต่อปี

อย่างไรก็ดี JKN ต้องฟันฝ่าการแข่งขันในตลาดอุตสาหกรรมบันเทิงที่ดุเดือดในการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดเพื่อเพิ่มรายได้และเติบโตต่อไป และหาก JKN สามารถใช้การออกหุ้นกู้แปลงสภาพที่มีต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างต่ำมา refinance หุ้นกู้ระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง จะสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ของบริษัทได้ในระยะต่อไป และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น

โครงสร้างรายได้ JKN

  1. รายได้ค่าสิทธิจากธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ คิดเป็นสัดส่วนสูงสุดคือ 92.08%
  2. รายได้จากการให้บริการ จากธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและระบบดิจิทัล คิดเป็นสัดส่วน 1.52%
  3. รายได้จากการขาย เป็นรายได้จากธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ คิดเป็นสัดส่วน 2.35% ของรายได้ทั้งหมด
  4. รายได้อื่น เช่นรายได้จากค่านายหน้าในการเป็นตัวแทนจำหน่ายคอนเทนต์ คิดเป็นสัดส่วน 4.05%

Back to top button