เกมเปลี่ยนตลอดโมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ “โมนิก้า” ไม่ค่อยซีเรียสสักเท่าไหร่? เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาตั้งแต่ต้น จึงไม่ต้องวิเคราะห์อะไรให้มากความ และไม่ต้องคาดหวังอะไรที่ไกลเกินความเป็นจริง ซึ่งเป็นผลมาจากตัวแปรหลายอย่างยังไม่นิ่ง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเลยเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เดี๊ยนถึงพยายามย้ำคำเดิมที่เคยเม้าท์ไว้เมื่อวันก่อนว่า “ซอยถี่ๆ” ปลอดภัยสุดเจ้าค่ะ

*อีกประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับเข้าใจมูฟเม้นท์ของตลาดหุ้นมากสุดก็คือ ในเมื่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงอย่างถ้วนหน้า ย่อมทำให้ค่า P/E สูงขึ้นไปโดยปริยาย ซึ่งเป็นแรงกดดันให้นักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภัยก่อการร้าย มันเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ทุกคนเทขายหุ้นอย่างบ้าคลั่ง (panic) กันเลยทีเดียวนะคะ

*ฉะนั้นอย่าได้ตกอกตกใจเมื่อเห็นดัชนีรูดลงมาปิดที่ 1,376.82จุด ลบไป 13.35 จุด ด้วยมูลค่า 3.60 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นเอฟเฟ็กต์มาจากการยิงถล่มกันที่ปารีส ส่งผลให้ฝรั่งขี้นก กับ ปอบผีฟ้า เกิดอาการตกใจสุดขีด จึงส่งคำสั่งขายแบบรัวๆ บรรยากาศการลงทุนถึงซึมเศร้าอย่างรวดเร็ว “โมนิก้า” ถึงต้องออกมาปรับจูนความคิดของแฟนคลับให้ทันสถานการณ์อีกรอบไงล่ะค่ะ

*ประกอบกับค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนตัวลงอีกครั้ง แรงเทขายเลยเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ วันนี้ถึงเล่นได้แค่สั้นๆ หากมองภาพยาวๆ ต้องเน้นการเจาะหุ้นรายตัวที่กำไรไตรมาส 3 โตสวนภาวะเศรษฐกิจ หรือใครรู้สึกไม่มั่นใจในการลงทุนจะหยุดพักชั่วคราวก่อนก็ได้ เพราะจังหวะนี้เป็นเกมของคนที่ “คิดเร็ว ทำเร็ว” ไม่มีเวลาอิดออดในเรื่องที่ต้องใช้หัวสมองคิดนานๆ นะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ PRAKIT กำลังเป็นที่โจษจันในหมู่นักเล่นเท้าไฟ ล้วนมาจากเจ้ามือเลิกกลางคันเอาดื้อๆ บรรดามิตรรักแฟนเพลงเลยติดดอยกันอย่างถ้วนหน้า พร้อมกับขุดคุ้ยเรื่องกำไรที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้มาจากการขายสมบัติเก่ากิน เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้เหล่านักเล่นมีอารมณ์มากขึ้นไปอีก..คิดดูแล้วกัน ก่อนหน้านี้หุ้นอยู่ที่ 12 บาท จู่ๆ ขึ้นไปแตะแถว 23 บาท ล่าสุดลงมาอยู่ที่ 17.10 บาท ลบไป 1.30 บาท หรือลงไป 7% มันก็น่าโมโหจริงๆ เจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ WHAก่อนหน้านี้เป็นหุ้นที่พรายกระซิบเม้าท์ถึงตลอดเวลา แถมชมว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ พอบริษัทเริ่มขยับขยายงาน และเริ่มแบกรับภาระหนี้สินมากขึ้นเป็นเท่าตัว เสียงเชียร์ก็เริ่มอ่อยลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นคำว่า ซาโยนาระ “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเรื่องราวต่างๆ เป็นอย่างดี และเข้าใจถึงสาเหตุที่หุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 3.10บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 5% เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับอนาคตของบริษัทจะสดใสแค่ไหนนะซี

*ผิดกับในรายของ HFTเพราะหุ้นตัวนี้มีผลประกอบการเป็นแบ็กอัพ จึงเห็นการยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บวกกับเปอร์เซ็นต์การจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอในช่วง 5 ปีเป็นของแถมปลายนวม “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่พวกนกรู้กระโจนเข้ามาไล่ราคาหุ้นตัวนี้อีกครั้ง ล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.70บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไป 5.60% เทียบกับP/E ที่ระดับ 9 เท่า น่าเล่นไหมล่ะค่ะ

*เม้าท์ถึงหุ้นที่เทิร์นอะราวด์เต็มตัว “โมนิก้า” ขอเม้าถึงสุดยอดหุ้นพิมพ์นิยมอย่าง SPORT เพื่อฉายให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ว่ากันว่า กำไรที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3 คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่แสดงให้ถึงกระบวนการรีดไขมันเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ต่อจากนี้จะมีแต่คำว่า กำไร..กำไร และก็กำไร ล่าสุดราคาหุ้นยืนอยู่ที่ 1.86 บาท บวกไป 0.01 บาท เมื่อเทียบกับ P/BV ที่ระดับ 2 เท่า ได้ราคาเป้าหมาย 3 บาทเป็นอย่างต่ำแบบนี้..ตามน้ำทันทีเลยค่ะ

*ส่วนในรายของ SENAค่อนข้างขยันให้ข่าวดีแฟนคลับ แต่ราคาหุ้นกลับมุดหัวลงลูกเดียว “โมนิก้า” ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะการให้ข่าวลักษณะนี้เหมือนเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของตัวคุณน้อง “เกษรา” เดี๊ยนถึงอยากให้คุณน้องเข้าใจในความปรารถนาดีของเดี๊ยน ล่าสุดราคาหุ้น 2.66 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 3.60% พร้อมกับโค้งตัวลงอย่างชัดเจนแบบนี้ มีโอกาสลงไปแตะ 2.50 บาทอีกรอบนะคะ

*สำหรับที่แรงแบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง CENTELก่อนใครเพื่อน แถมก่อนหน้านี้ขยับขึ้นวันละนิดวันหน่อย และเพิ่งมาจี๊ดจาดเอาเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา และล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 46 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 7%  ด้วยมูลค่า 337 ล้านบาท พร้อมกับทำ new highอย่างเป็นทางการ ตามสูตรสำเร็จเขาเรียกจังหวะนี้ว่า “ตามน้ำ” เพราะมีโอกาสทำ new high อีกพะยะค่ะ