พาราสาวะถี

ไม่ต้องคาดเดากันอีกว่า หลังประชุมเอเปคผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จับสัญญาณจากการประกาศไขก๊อกจากพรรคประชาธิปัตย์ของ พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช 3 สมัยเพื่อไปร่วมกับพรรคตั้งใหม่ ก็เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนว่า “เขามาแน่” ลำพัง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคคนเดียว ไม่สามารถขายได้ในพื้นที่ภาคใต้เด็ดขาด ต้องมีพระดีกว่านั้นถึงจะช่วยพาให้กลับมาเป็น ส.ส.อีกหนได้

อย่างที่ทราบกันว่าพื้นที่ภาคใต้ความนิยมของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังดีอยู่ และน่าจะเป็นพื้นที่เดียวที่ทำให้ท่านผู้นำยิ้มได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องระแวดระวังคนตะโกนด่าหรือมีม็อบต้าน ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นว่าการตกปลาในบ่อเพื่อนยังคงเป็นสูตรสำเร็จของเผด็จการที่หันมาเล่นการเมือง อย่างที่บอกตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งหนที่แล้ว เดิมทีคาดหมายกันว่าเพื่อไทยจะถูกพลังดูดเล่นงานสะบักสะบอมกว่าเพื่อน แต่ทำไปทำมาหวยกลับไปออกที่พรรคเก่าแก่ที่แนบชิดกับอำนาจอีแอบมาโดยตลอดไปเสียฉิบ

ไม่ได้มีแต่เพียงพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเท่านั้นที่จะดูดคนของประชาธิปัตย์ไปร่วมงาน ยังมีภูมิใจไทยที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันเวลานี้ก็อยู่ในข่ายด้วย และไม่ใช่แค่พรรคเก่าแก่เท่านั้นที่โดน ส.ส.จำนวนหนึ่งของพรรคสืบทอดอำนาจก็จะหนีตามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปด้วย ซึ่งในส่วนนี้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ไม่ได้ยี่หระ เพราะมีการประกาศไล่หลังมาแล้วว่าเมื่อตู่ไม่อยู่แล้ว พวกที่ออกไปก่อนหน้าเพราะระอาความใจไม่ถึงของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้กลับมาร่วมงานกันใหม่ให้หมด ไม่ต้องเกรงใจใครอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม สำหรับ ส.ส.ภาคใต้ของพรรคเก่าแก่ที่เปิดตูดย้ายคอกกันนั้น นอกจากพิมพ์ภัทราแล้ว ยังจะมี วชิราภรณ์ กาญจนะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่เคยเปิดตัวไปกับภูมิใจไทย แต่ล่าสุดเปลี่ยนใจจะไปสวมสีเสื้อของพรรคที่มีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นแคนดิเดตนายกฯ รวมไปถึง สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรังที่ประสงค์จะลงสมัครเขต 4 แต่ถูกโพลของพรรคเล่นงานว่าคะแนนเสียงไม่ดีมีสิทธิ์แพ้ ถ้าไม่ได้ลงสมัครจริงก็เตรียมชิ่งเช่นกัน

ยังมี ส.ส.และอดีต ส.ส.ที่เป็นระดับแกนนำพรรคเก่าแก่ เตรียมตีจากไม่ว่าจะเป็น ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตรงนี้เป็นเหตุผลมาจากความสนิทส่วนตัวกับพีระพันธุ์ด้วยส่วนหนึ่ง อีกราย คือ พันโทสินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.นครปฐม ตรงนี้เป็นเรื่องคอนเนคชั่นของพี่น้องสายทหารการไปร่วมงานกับท่านผู้นำจึงเป็นเรื่องเหมาะสมที่สุด อีกรายที่ประกาศตัวแต่ไม่แน่ชัดว่าจะสังกัดพรรคไหน คือ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงครามหลายสมัย

เหตุและปัจจัยที่ทำให้ “เจ๊โอ๋” ต้องจำใจทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ทั้งที่ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคนี้มาถึง 6 ครั้งแล้วก็คือ เสียงสนับสนุนของคนในพื้นที่ มีบทเรียนมาจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่เจ้าตัวเกือบสอบตก เอาชนะคู่แข่งจากพรรคสืบทอดอำนาจเพียงแค่ 4 พันกว่าคะแนน ทั้งที่เลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาจะเข้าวินแบบไม่ต้องลุ้นกันวินาทีสุดท้าย นั่นหมายความ เลือกตั้งหนนี้ถ้าความนิยมในพรรคเก่าแก่เสื่อมลงอีกเป็นธรรมดาที่เจ้าตัวจะต้องเปลี่ยนสีเสื้อ

แม้จะมีการบอกว่ารอผลโพลที่กำลังว่าจ้างให้คนไปทำก่อน แต่แนวโน้มน่าจะโบยบินอีกรายแน่นอน ยิ่งได้ฟังบทสัมภาษณ์ที่ว่า “เราก็ต้องเอาตัวรอด เลือกตั้งคราวที่แล้วเกือบไม่รอด ต้องเปลี่ยนป้ายหาเสียง เอารูปพยาบาลมาติด เพลงประจำพรรคก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นเพลงตัวเอง ต้องพูดเองทั้งหมด จนรอดมาได้” ถ้าผู้บริหารพรรคเข้าใจอย่างที่รังสิมาเคยสัมผัส กระบวนการและแนวทางการทำงานต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เมื่อยังมุ่งมั่นที่จะยึดเอาฐานเสียงจากภาคใต้คืนเป็นหลัก ย่อมทำให้คนที่อยู่ด้วยแม้จะอยู่กันมานานเลือกหนทางที่จะทำให้ตัวเองได้ไปต่อ

เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองกลายเป็นว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์ถูกพลังดูดจากคนกันเองแทบทั้งสิ้น มันจึงเป็นโจทย์สำคัญที่ทำให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคต้องปรึกษากับผู้มีอำนาจและบารมีของพรรคอย่าง ชวน หลีกภัย จะยังคงร่วมหัวจมท้ายกันต่อไปจนถึงวินาทีสุดท้ายหรือไม่ หรือจะชิงลงมือทิ้งเรือเหล็กเพื่อวัดดวง หวังคะแนนจากคนกลุ่มที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน เพราะฐานเสียงที่มีอยู่แล้วยังมาถูกแย่งชิงกันแบบนี้ น่าจะทำให้พรรคเก่าแก่อยู่ในสถานการณ์ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตมากกว่า

ประกอบกับความบาดหมางที่มีอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้อู๊ดด้าและคณะต้องเดินเกมที่สร้างความได้เปรียบทางการเมือง หลังประชุมเอเปคนอกเหนือจากที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะมีความชัดเจนต่อทิศทางทางการเมืองของตัวเองแล้ว การได้เห็นรายชื่อรัฐมนตรีที่มีการปรับใหม่ ก็ยิ่งน่าจะทำให้พรรคเก่าแก่ต้องเร่งตัดสินใจทางการเมืองให้เร็วขึ้น มิเช่นนั้น จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบพรรคการเมืองพวกเดียวกันทุกประตู

นี่ยังไม่นับรวมพรรคคู่แข่งจากฝ่ายค้าน มองความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นมันจึงชวนให้เชื่อได้ว่าโอกาสในการยุบสภานั้นมีมากกว่าที่จะลากยาวไปให้อยู่ครบวาระ หลังประกาศตัวทางการเมือง ปรับ ครม.เรียบร้อย เป้าหมายที่ต้องการตัวสละเรือลำเก่ากระโดดมาเกาะเรือของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ก็คงจะถึงวาระของการประกาศคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งในส่วนของนักเลือกตั้งและพรรคการเมือง มาถึงนาทีนี้ต่างเตรียมพร้อมกันแล้วอย่างเต็มที่

ทางด้านพรรคเพื่อไทยที่ชูสโลแกนแลนด์สไลด์ โดยมี ส.ส.และอดีต ส.ส.ต่างพรรคแสดงตัวขอย้ายมาร่วมงานจำนวนไม่น้อย ดูเหมือนจะดีแต่กลายเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากภาพของพรรคถูกผูกไว้กับประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้น การจะรับใครจึงต้องคำนึงถึงศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนเป็นด้านหลัก เช่นเดียวกับกระแสข่าวเรื่องการจับมือพรรคต่าง ๆ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

เป็นสิ่งที่ผู้บริหารพรรคต้องคอยกระตุกเตือนคนแดนไกลเป็นระยะให้หนักแน่น และระวังกลเกมลับ ลวง พรางของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากมีพวกไอโอจ้องที่จะเล่นงานอยู่ตลอดเวลา เห็นได้จากกระแสข่าวที่มีการปล่อยกันมาเป็นระยะ เพื่อดิสเครดิตนายใหญ่ ดังนั้น ทุกย่างก้าวของนายใหญ่นาทีนี้จึงเต็มไปด้วยความรัดกุม รอบคอบ ไม่บุ่มบ่ามย่ามใจเหมือนในอดีต ที่เคยตกอยู่ในภาวะเหลิงอำนาจจนทำให้ต้องกระเด็นจากอำนาจมาแล้ว ทั้งตัวเองและน้องสาวสุดที่รัก