พาราสาวะถี

การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของประเทศไทยในปีนี้ จะเริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยเป็นการประชุมในส่วนของรัฐมนตรีเอเปค


การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของประเทศไทยในปีนี้ จะเริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยเป็นการประชุมในส่วนของรัฐมนตรีเอเปค หรือ APEC Ministerial Meeting: AMM ประเทศไทยมีรัฐมนตรีที่เข้าร่วม 2 คนคือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นการประชุมในหัวข้อ การเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน Balanced, Inclusive and Sustainable Growth

การประชุมในเรื่องนี้จะเน้นการหารือประเด็นเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy Model ต่อด้วยการประชุมในหัวข้อการกลับมาเชื่อมโยงในภูมิภาค เพื่อหารือแนวทางการฟื้นฟูความเชื่อมโยงระหว่างกัน จากนั้นในช่วงบ่ายเป็นการประชุมหัวข้อการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและยั่งยืน โดย เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก หรือ WTO จะบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการตามผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 12 และความเห็นเรื่องการค้าโลกและระบบการค้าพหุภาคี ผ่านทางเสียงบันทึกภาพ

ส่วนการประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคทั้ง 21 คนที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจของไทยจะเป็นประธานนั้นจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน วาระสำคัญที่จะถกกันก็คือ การหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในยุคหลังโควิด-19 ให้ครอบคลุมและยั่งยืนท่ามกลางบริบทโลกที่ท้าทาย และผลักดันให้ผู้นำร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” เพื่อให้เอเปคมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจนเพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคนั้น จะมีกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศเข้าร่วมการประชุมเพื่อนำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ด้วย โดยประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้เชิญ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียน เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีช อัลซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ซาอุดีอาระเบีย และ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เข้าร่วมการประชุมในฐานะแขกพิเศษด้วย

โดยการเชิญครั้งนี้ของประเทศไทย เพื่อให้การหารือของผู้นำสะท้อนมุมมองของหุ้นส่วนสำคัญของเอเปคได้อย่างครอบคลุม อันจะเป็นการหารือร่วมกันถึงแนวทางการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเอเปคกับคู่ค้านอกภูมิภาค และแนวทางการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจัดการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สมเด็จฮุน เซนไม่ได้เดินทางมาร่วมตามคำเชิญเนื่องจากตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 และไม่ได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด

บทสรุปจากที่ประชุมคงเป็นไปตามที่ได้วางเป้าหมายกันเอาไว้ ที่กังวลใจและเตรียมการรับมือกันอย่างเต็มที่ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง หนีไม่พ้นความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน ถึงขนาดที่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ สั่งในที่ประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและจราจร “ต้องไม่มีใครมาขัดขวางการประชุมเอเปค” เด็ดขาด ขณะที่ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ก็สั่งเข้มม็อบที่รวมตัวกันไม่ว่าจุดไหนหากจะเคลื่อนขบวนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า

ถือว่าเป็นสีสันแต่คงไม่บานปลายถึงขนาดที่จะเกิดการล้มประชุมเหมือนคราวการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา เมื่อปี 2552 สำหรับคนที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตยคงนึกขำถึงสิ่งที่ดอนให้สัมภาษณ์ไปวันก่อน ผู้นำและผู้เข้าร่วมการประชุมเอเปคอยากเห็นภาพความสงบเรียบร้อยเหมือนคราวเดินทางไปร่วมประชุมที่พนมเปญ ประเทศกัมพูชา พูดโดยไม่รู้สึกรู้สาเลยหรืออย่างไรว่าการปกครองบ้านเมืองของเขาและเรานั้นต่างกันอย่างไร หรือว่าประเทศไทยจะต้องเดินตามประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยแบบนี้

ส่วนทางการเมือง ในแง่ของพรรคฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยก็อาศัยจังหวะนี้ปล่อยให้ทีมเศรษฐกิจของพรรคได้โชว์วิสัยทัศน์ แสดงความรู้ความสามารถคู่ขนานไปกับการทำหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่เป็นตัวแทนประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการประชุม ไม่เชิงการดิสเครดิตแต่เป็นการเปรียบเทียบ นำเสนอเพื่อแนะให้ฝ่ายกุมอำนาจได้ใช้เวทีดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งก็ไม่ได้มีผลใด ๆ เมื่อความคิด มุมมองต่างกันสิ้นเชิง ที่สำคัญคืออีกฝ่ายไม่เคยรับฟังความเห็นจากฝ่ายเห็นต่างอยู่แล้ว

ดังนั้น มิติทางการเมืองที่น่าสนใจจึงเป็นประเด็นว่าด้วยร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ทางพรรคภูมิใจไทยจะต้องผลักดันให้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ จนกลายเป็นความขัดแย้ง เกิดเป็นวิวาทะรายวันระหว่างสองพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ กระทั่ง วิษณุ เครืองาม ออกมาชี้ทางสว่างใช้วิธีออกประกาศกฎกระทรวงเพื่อแก้ปัญหาสุญญากาศหลังจากการเปิดเสรีกัญชา น่าจะง่ายกว่าการต้องมารอออกกฎหมาย ซึ่ง อนุทิน ชาญวีรกูล ก็ได้ดำเนินการโดยทันที

เหมือนจะช่วยให้ศึกระหว่างประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยสงบได้ชั่วขณะแต่ไม่สนิท เพราะยังมีการพาดพิงพูดถึงกฎกระทรวงที่ออกมาว่ายังมีช่องโหว่อยู่ดี ประสาคนที่เชื่อมั่นว่าแนวทางที่พรรคดำเนินการมาได้คะแนนนิยมมหาศาล เสี่ยหนูจึงไม่สนใจต่อเสียงทักท้วงวิจารณ์ใด ๆ มิหนำซ้ำ ยังบลัฟกลับฝ่ายทักท้วงอีกต่างหาก ต้องรอดูวันที่ร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ น่าจะได้เห็นแอ็กชันของคนพรรคเก่าแก่ที่จะตีแสกหน้า ทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายเสนอเพื่อหวังผลไปถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นาน

สำหรับประเด็นการเลือกตั้งคงไม่ต้องมองกันไปถึงว่าจะมีการอยู่ครบวาระอีกแล้ว ไม่ต้องรอให้ความขัดแย้งสุกงอม หรือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจช่วงชิงความได้เปรียบประกาศยุบสภา ปัญหาที่จะนำไปสู่การคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว จะเกิดขึ้นจากการที่นักเลือกตั้งผู้ต้องการเปลี่ยนสีเสื้อทั้งหลายจะเริ่มทยอยลาออกจากความเป็น ส.ส.เพื่อการย้ายพรรค และชัดเจนว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ในซีกรัฐบาลเสียส่วนใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเสียงในสภา การยุบสภาเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมจึงเป็นทางเลือกที่ไม่อาจเลี่ยงได้ เต็มที่ไม่เกินต้นปีหน้า แต่คอการเมืองเชื่อว่าน่าจะเร็วกว่านั้นแน่นอน

Back to top button