กล้าก็ช้อน..กลัวก็เฉย

ความตั้งใจแรกของ “โมนิก้า” ต้องการเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุน และสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เผอิญได้เห็นเรื่องราวของม็อบต่าง ๆ ที่เดินทางไปป่วนงานประชุม APEC


ความตั้งใจแรกของ “โมนิก้า” ต้องการเม้าท์ถึงบรรยากาศการลงทุน และสถานการณ์เศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เผอิญได้เห็นเรื่องราวของม็อบต่าง ๆ ที่เดินทางไปป่วนงานประชุม APEC เลยทำให้เดี๊ยนรู้สึกหัวร้อนขึ้นมาทันที เพราะดูเหมือนม็อบเหล่านั้นจะไม่รู้จักกาลเทศะ และไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้นำประเทศต่าง ๆ จึงขอประณามการกระทำอันน่ารังเกียจของม็อบอันธพาลพะย่ะค่ะ

ส่วนบรรยากาศการลงทุนก็ยังไม่มีอะไรต้องซีเรียส เพราะเหตุการณ์หลายอย่างก็เป็นเหมือนที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ และมันก็เป็นจังหวะของคนกล้าที่พร้อมจะตะลุยทุกสมรภูมิ ผนวกกับเห็นจังหวะขายหนักออกมาเป็นระลอก แต่ก็มีการซื้อสวนกลับขึ้นมาตลอดเวลา “โมนิก้า” จึงเชื่ออย่างสนิทใจว่า หากลงมาต่ำกว่านี้..ก็ถึงเวลาที่ควรเก็บ เพราะสถานการณ์หลายอย่างน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับนะคะ

ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,614.95 จุด ลบไป 5.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.91 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องรับได้ในทุกมิติ เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่มีอะไรจริง ๆ และคนที่คิดจะเล่นต้องกล้าพอตัว เพราะวันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ที่มักจะมีแรงขายออกมาเป็นประจำ “โมนิก้า” ถึงมองสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้จะเต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับนักเล่นแต่ละคนมีจิตแข็งขนาดไหนนะจะบอกให้

เหมือนกับในรายของหุ้น BH ที่อ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 213 บาท ลบไป 16 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.66 พันล้านบาท อันนี้มีเสียงร่ำลือการกู้เงินไปซื้อหุ้น และถึงดีลที่จะต้องจ่ายเงินกู้ จึงต้องขายหุ้นเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ เดี๊ยนเลยอยากให้ขาลุยไปคิดกันว่า เรื่องนี้มีมูลมากขนาดไหน? และเมื่อเทียบเคียงกับค่า PE 45 เท่า ประเด็นไหนเป็นตัวถ่วงราคาหุ้นมากกว่ากันเจ้าคะ

คล้ายกับประเด็นของ ADVANC ซึ่งตกอยู่ในอาการโงหัวไม่ขึ้นเป็นเวลานาน มันเกิดจากสถานการณ์ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ หรือมีประเด็นอื่นให้นักเล่นต้องเป็นกังวลหรือเปล่า? “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 187 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 พันล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 23 เท่า มันเป็นช็อตที่น่าทยอยเก็บอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยอาการ “ไม่หือ ไม่อือ” อะไรทั้งสิ้น เลยต้องละไว้ในความเข้าใจ..อิอิอิ

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันมามองสุดที่รักเมื่อในอดีตอย่าง SAWAD เป็นรายถัดมาในทันที เพราะอาการตุปัดตุเป๋ในเที่ยวนี้ น่าจะเกิดจากความกังวลที่เกี่ยวกับอนาคต บรรดานักเล่นถึงสาดหุ้นเมื่อยกตัวสูงขึ้นเป็นประจำ วานนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ราคาหุ้นม้วนตัวลงมายืนปิดที่ 41.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 696 ล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความกังวลว่า หุ้นจะลงมาต่ำ 40 บาทอีกครั้งน่ะซี

ในเมื่อเจ้าใหญ่ได้รับผลกระทบแบบเต็มข้อ ก็อย่าได้แปลกใจเจ้าเล็กอย่าง TH ตกอยู่ในสถานการณ์หมดสภาพเป็นแรมปี ผนวกกับวานนี้ถูกสาดพรวดแบบไม่ยั้งตลอดเวลา จนราคาหุ้นทรุดลงมาปิดที่ระดับ 3.40 บาท ลบไป 0.36 บาท หรือลงไป 9.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 299 ล้านบาท แถมมองในมุมของการเติบโตในอนาคตที่ตีบตันลงเรื่อย ๆ จึงไม่คุ้มที่จะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงพะย่ะค่ะ

ตรงกันข้ามกับในรายของ SINGER อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้ยังทำผลงานได้ค่อนข้างดี และยังมีสตอรี่ที่จะทำให้บริษัทโตแกร่งเข้ามาซัพพอร์ต “โมนิก้า” จึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 32 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 316 ล้านบาท และสถานการณ์ตรงนี้เองที่ทำให้เดี๊ยนต้องมานั่งทบทวนตัวเองว่า มีบางเรื่องที่น้องโมพลาดประเด็นสำคัญไปหรือเปล่า?…อิอิอิ

ส่วนรายที่เริ่มฟื้นจากพิษแรงขาย และเริ่มกลับมาทำผลงาน “โมนิก้า” คงหันไปมองที่หุ้น RBF เป็นรายถัดมาในทันที เพราะการที่หุ้นขยับก้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 13 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104 ล้านบาท กลายเป็นจังหวะของคนที่เชื่อว่า ผลงานไตรมาสนี้จะมาตามนัด! ส่วนใครที่มองว่า อาจไม่เป็นเหมือนที่ประเมิน ก็นั่งดูอยู่ห่าง ๆ ก็แล้วกัน..ง่ายดีไหมจ๊ะ!

Back to top button