NCL ดีลซื้อเอเชีย เวลท์ล่ม.!

ผลพวงจากหุ้น MORE (มรณะ) หรือบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) นำไปสู่ประเด็นน้ำลดตอผุด จากมูลค่าซื้อขายที่พิลึกกึกกือมากกว่า 4,000 ล้านบาท


ผลพวงจากหุ้น MORE (มรณะ) หรือบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE นำไปสู่ประเด็นน้ำลดตอผุด จากมูลค่าการซื้อขายที่พิลึกกึกกือมากกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้โบรกเกอร์อย่างน้อย ๆ 11 แห่ง พลอยเดือดร้อนไปด้วย และนำไปสู่การร้องกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) เพื่อให้เอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นมหากาพย์มวยล้มต้มคนดูอ๊ะป่าว..?? ต้องติดตามกันต่อไป

แต่ระหว่างนี้พบพฤติกรรมของโบรกเกอร์บางแห่งพยายามที่จะซุกขยะใต้พรม ด้วยการอาศัยช่องโหว่ เอาเงินของลูกค้าไปโปะความเสียหายดังกล่าว เลยเป็นที่มาของก.ล.ต.สั่งปิดกิจการชั่วคราว โดยเฉพาะเคสของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ AWS ที่แอบโยกเงินลูกค้าไปโปะบัญชีหุ้น MORE จำนวน 158 ล้านบาท

(ทั้ง ๆ ที่คนในวงการโบรกเกอร์ก็รู้ดีว่า เจ้าของตัวจริงนั้นไม่ใช่ไก่กา แต่เป็นเจ้าแม่โลจิสติกส์เลยนะ ก็ไม่น่าจะปล่อยให้ลูกน้องทำอย่างนี้…ว่าป๊ะล่ะ เพราะนอกจากชื่อเสียงบริษัทย่อยยับแล้ว ยังเสียไปถึงตัวเจ๊ด้วยนะ)

จากตรงนี้ กลายเป็นไฟลามทุ่ง เนื่องจากบล.เอเชีย เวลท์ กำลังจะมีดีลใหญ่ จากการที่บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL จะเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในบล.เอเชีย เวลท์ ซึ่งเดิมสัญญิงสัญญาจะซื้อจะขายกันไว้แล้วเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา…

โดยที่มาที่ไปของดีลนี้ สืบเนื่องมาจากมติบอร์ด NCL เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2565 ไฟเขียวให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นบล.เอเชีย เวลท์ สัดส่วน 60% จากบริษัท เอเชีย เวลท์ โฮลดิ้ง จำกัด คิดเป็นมูลค่า 372 ล้านบาท…

แต่ตอนนี้มันจบแล้วครับนาย..!! เพราะล่าสุด NCL ประกาศล้มดีลนี้ไปแล้ว โดยระบุว่า “จากการที่บริษัท AWS ถูกระงับการดำเนินกิจการชั่วคราวจากก.ล.ต. เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2565 อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเข้าลงทุนของบริษัท จึงมีมติอนุมัติให้ยกเลิกการลงทุนในบริษัท AWS และยกเลิกสัญญาการซื้อขายหุ้นของ AWS ทั้งหมด”

เรียกว่า NCL ไหวตัวทัน รีบสละเรือพ่วงทิ้งเลยนะเนี่ย…

ส่วนสาเหตุที่ NCL เตรียมจะเข้าลงทุนในบล.เอเชีย เวลท์ นั้น คงเป็นเพราะ NCL ซึ่งทำธุรกิจโลจิสติกส์ ต้องการแตกแขนขา เพื่อกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ เพราะถ้าไปส่องผลประกอบการของ NCL ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทรง ๆ ทรุด ๆ…

ปี 2561 มีรายได้รวม 1,220 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3 ล้านบาท ปี 2562 มีรายได้รวม 1,281 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 924 ล้านบาท พลิกมาขาดทุนสุทธิ 26 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 1,928 ล้านบาท พลิกมีกำไรสุทธิ 111 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรก ปี 2565 มีรายได้รวม 1,162 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33 ล้านบาท

ขณะที่ ความสามารถในการทำกำไรต่ำเตี้ยเรี่ยดิน โดยปี 2561 มีอัตรากำไรสุทธิ 0.12% ปี 2562 มีอัตรากำไรสุทธิ 0.91% ปี 2563 อัตรากำไรสุทธิ -2.62% ปี 2564 มีอัตรากำไรสุทธิ 5.85% ส่วนงวด 9 เดือนแรก ปี 2565 อัตรากำไรสุทธิ 2.94%

NCL ก็คงคาดหวังว่า การเข้าไปลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์ ช่วงที่ภาวะตลาดอยู่ในช่วงขาลงจากวิกฤตโควิด ถือเป็นการซื้อของดีราคาถูก เพราะหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ธุรกิจหลักทรัพย์ก็น่าจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง และคงช่วยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

โอเค…สิ่งที่ NCL คิดไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถ้าไม่มีปรากฏการณ์หุ้น MORE (มรณะ) ก็คงไม่ผิดจากแผนที่ NCL วาดฝันไว้หรอก (มั้ง) แหม๊…ก็ใครจะคิดล่ะว่า จะมาเจอตอตำแขนขาจนเน่า ทำให้ต้องรีบตัดทิ้งไป…

ซึ่งถ้าถามว่าดีลนี้จะกลับมาอีกมั้ย..? ฟันธงเลยว่าโอกาสเป็นไปไม่ได้มากกว่าได้…จบนะ

เอาเป็นว่าต้นไม้จะตายหรือไม่…แต่กาฝากเจริญเติบโตไปแล้ว เพราะถ้าลองย้อนไปดูตอนที่ NCL ประกาศจะเข้าลงทุนในบล.เอเชีย เวลท์ นั้น…หุ้น NCL วิ่งขึ้นไป 2 วันซ้อนเกือบ 10% เลยนะ

งานนี้ก็มีคนที่ได้ประโยชน์อยู่นะจะบอกให้..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button