AQUA มีอะไรดีในกอไผ่.!

ฮือฮาปาจิงโกะ..!! เมื่อจู่ ๆ “จันทิรา ลือสกุล” ผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่ง TNITY ก็เจียดขายหุ้นออกมาในวันที่ 11 พ.ย. 2565 จำนวน 604,900 หุ้น


ฮือฮาปาจิงโกะ..!! เมื่อจู่ ๆ “จันทิรา ลือสกุล” ผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่ง บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY ก็เจียดขายหุ้นออกมาในวันที่ 11 พ.ย. 2565 จำนวน 604,900 หุ้น หรือคิดเป็น 0.2821% ทำให้เหลือถือหุ้นจำนวน 31.56 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 14.7224%

ก็ไม่รู้ว่าจะไปเกี่ยวข้องกับหุ้นมหาประลัยอย่างบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE อ๊ะป่าว..? เพราะเห็นว่าเคสนี้ TNITY โดนไปเยอะ ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านเลยนะ แต่ยังเก็บอาการอยู่..!!

หลังจากขายหุ้น TNITY แล้ว “จันทิรา” ก็ดอดมาซื้อหุ้นบริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA เพิ่มอีก 2 ล็อตใหญ่ จากเดิมถืออยู่แล้วจำนวน 353.23 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 5.9744% แบ่งเป็น ซื้อเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 จำนวน 257 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.3467% ที่ราคาหุ้นละ 0.09 บาท มูลค่า 23.13 ล้านบาท ส่วนอีกล็อตซื้อเมื่อวันที่ 14 พ.ย. จำนวน 433.88 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.3385% ที่ราคาหุ้นละ 0.09 บาท มูลค่า 39.05 ล้านบาท

ส่งผลให้ “จันทิรา” ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่เบอร์หนึ่งของ AQUA ทันที ด้วยจำนวนหุ้นที่ถือ 1,044.12 ล้านหุ้น คิดเป็น 17.6597% แทนที่ “ปกรณ์ มงคลธาดา” ซึ่งถือจำนวน 1,027.69 ล้านหุ้น คิดเป็น 17.38%

ทำให้ถูกตีความไปว่า เจียดขายหุ้น TNITY เพื่อไปซื้อ  AQUA หรือเปล่า..!??

ว่าแต่ใครเป็นคนโยนหุ้น AQUA ให้กับ “จันทิรา” กันนะ..? อยากรู้จัง..!!

แต่ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้น AQUA มีดีอะไร..? ทำไม “จันทิรา” จึงเข้าไปลงทุนในหุ้นตัวนี้..?

จะว่าเป็นหุ้น Growth Stock (หุ้นเติบโต) ก็ไม่ใช่…เพราะผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าใด เนื่องจากรายได้และกำไรถดถอยลงเรื่อย ๆ จากปี 2562 เคยมีรายได้รวม 1,1172 ล้านบาท กำไรสุทธิ 559 ล้านบาท มาปี 2563 รายได้รวมลดเหลือ 915 ล้านบาท กำไรสุทธิเหลือ 182 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 816 ล้านบาท กำไรสุทธิ 157 ล้านบาท

ส่วนที่เห็นงวด 9 เดือนแรกปี 2565 กำไรโป่งพองเป็นพิเศษ โดยมีกำไรสุทธิ 674 ล้านบาท และมีรายได้รวม 823 ล้านบาท เกิดจากการขายธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านทั้งหมดให้กับบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ทำให้มีกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวน 588.27 ล้านบาทนั่นเอง

เอ๊ะ…หรือเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของ AQUA ซึ่งเคลมว่ามี 3 ธุรกิจเมกะเทรนด์ ได้แก่ 1) ธุรกิจ Fintech ผ่านบริษัท Peer for all 2) ธุรกิจ Healthcare ซึ่งร่วมลงทุนกับพันธมิตรบนพื้นที่อสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ 3) ธุรกิจ logistic คือ บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TP ที่อยู่ระหว่างแต่งตัวเข้าตลาดฯ…อันนี้ก็ไม่รู้สินะ

เอาเป็นว่า “จันทิรา” คงมองเห็นอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ใน AQUA ละมั้ง..!?

ขณะที่ หลายคนสงสัยว่าเธอคนนี้เป็นใครเหรอ…เท่าที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ “จันทิรา” เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ปัจจุบันถือหุ้นหลาย ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL, บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA และบริษัท เคดับบลิวไอ จำกัด (มหาชน) หรือ KWI

อ้อ…เคยถือหุ้นในบริษัท คาสเซ่อร์พีคโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPH และบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ด้วยนะ

ส่วนการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน AQUA ครั้งนี้ จะเชื่อมโยงกับใครบ้างหรือเปล่า..?

ถึงจะรู้ แต่หนูก็พูดบ่ได้นะอ้าย..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button