โบรกเล็กถึงคราวซวย?
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นอะไรที่ต้องลุ้นกันต่อไป เพราะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรใหม่ ๆ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นอะไรที่ต้องลุ้นกันต่อไป เพราะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบรรยากาศการลงทุนยังไม่มีอะไรใหม่ ๆ ส่งผลให้การเข้าลงทุนยังเป็นการเล่นเก็งกำไรเหมือนเดิม โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวไปมาอยู่ที่ระดับ 1,600-1,650 จุด ซึ่งเป็นการขยับตัวขึ้นมาเล่นบนกรอบนี้ได้สักพักหนึ่ง และน่าจะเล่นที่บริเวณนี้อีกนานพอสมควร เดี๊ยนถึงไม่ยินดียินร้ายกับการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,618.86 จุด บวกไป 1.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.25 หมื่นล้านบาทเจ้าค่ะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงเรื่องร้อนที่สร้างความสั่นสะเทือนกับโบรกเล็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ทิ้งท้ายไปเมื่อวันก่อน และวันนี้จะมาขยายความให้ลึกไปกว่าเดิม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกับ บล.เอเชีย เวลท์ มันทำให้แวดวงการเงินสั่นสะเทือนอย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นการยักยอกเงินลูกค้าไปชำระค่าหุ้นระหว่างโบรกเกอร์ มันทำให้เห็นว่า โบรกเล็กไม่มั่นคงเอาเสียเลยนะจ๊ะ
ตรงนี้เป็นชนวนเหตุที่ทำให้ “เสี่ยไก่” ในฐานะหัวเรือใหญ่ และ “ซีเอฟโอ” ที่ดูแลเรื่องระบบเบิกถอนเงิน จึงเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เต็ม ๆ และสมควรที่จะโดนคดีแบบจัดหนักทุกข้อหา หลังมีเสียงร่ำลือออกมาในทำนองว่า ระบบหลังบ้านในการทำธุรกรรมใหญ่ ๆ ต้องให้ผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ “เซ็นกันสองคน” ธุรกรรมดังกล่าวถึงจะมีผลผูกพันในทางกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกโบรกฯ ทำกันพะย่ะค่ะ
ปัญหาคือ ระบบหลังบ้านของ “บล.เอเชีย เวลท์” ใช่ระบบที่เกริ่นให้ฟังหรือเปล่า? เพราะคำแถลงการณ์ของ ก.ล.ต. เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เหมือนสื่อเป็นนัยให้ว่า ผู้บริหารโบรกฯ เดินมาบอกถึงธุรกรรมที่ผิดปกติด้วยตนเอง และคนที่เดินมาบอกกับทางการใช่ “เสี่ยไก่” หรือเปล่า? และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็เป็นการย้ำหัวหมุดว่า ระบบหลังบ้านรั่วรูใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มกันเลยทีเดียว และน่าจะมีปัญหาตามหลังอีกมากมายค่ะ
ว่าถึงความผิดที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ “โมนิก้า” คงมองไปที่ “ซีเอฟโอ” เป็นหลักก่อนเลย เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องดีสุดว่า เงินที่เอามาเป็นของลูกค้าคนนั้นเป็นใคร? หลังมีข่าวลือกระฉ่อนทั่วท้องนาว่า เงินก้อนนั้นที่มีมูลค่าสูงถึง 130 ล้านบาทเป็นของลูกค้าที่อยู่ฝั่งเดียวกับ “เฮียม้อ” และถ้าเป็นดังเช่นที่มีเสียงร่ำลือจริง ๆ ก็หมายความว่า งานใหญ่มากนะวิ! เพราะมันทำให้เรื่องราวพันกันมั่วไปหมดนะตัวเอง
เช่นเดียวกับกลุ่มนายทุนใหญ่ที่ลงทุนใน บล.เอเชีย เวลท์ เป็นเวลานานนั้น! ก็มีข่าวลือออกมาในทำนองไม่ใส่เงินเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อนั่งดีดลูกคิดจนนิ้วหัวแม่โป้งแตก มันต้องใช้เงินมากถึง 200 ล้านบาทเลยทีเดียว! จึงไม่อยากเปลืองตัวมากไปกว่านี้ เพราะเดิมทีก็ไม่ต้องการเข้ามาทำธุรกิจโบรกเกอร์อยู่แล้ว แต่ที่เข้ามาช่วยก่อนหน้านี้เพราะมีการร้องขอให้เข้ามาช่วยน่ะซี
โดยคนที่ร้องขอให้เจ้าแม่ที่ดินอย่าง “เจ๊.จ” เข้ามาช่วยในคราวนั้น ก็เป็นคนที่นั่งเป็นบอร์ดของบริษัท จึงเกิดอาการ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” และยอมรับเซ้งไว้ชั่วคราว แต่ในระหว่างทางก็มีการเร่ขายโบรกเกอร์ตลอดเวลา จนสุดท้ายก็ตกลงปลงใจกับบริษัท NCL พร้อมกับบรรดาพันธมิตร ซึ่งมีการเคาะสัดส่วนการถือหุ้นของทั้งสองฝ่ายอยู่ที่ 60:40 โดยพันธมิตรฝ่ายหลังล้วนเป็นคนระดับบิ๊กเนมทั้งนั้นพะย่ะค่ะ
น่าเสียดายที่ดีลเปลี่ยนมือต้องมีอันพังครืนไม่เป็นท่าในชั่วข้ามคืน เพราะทันทีที่ ก.ล.ต. สั่งระงับธุรกรรมของ “บล.เอเชีย เวลท์” ในช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย. และให้รีบหาเงินมาใช้คืนลูกค้าภายในวันที่ 20 พ.ย. ก็ทำให้ช่วงหัวค่ำวันนั้นวุ่นวายหนัก เพราะฝั่งคนซื้อพากันถอนตัวกันเป็นแถว พร้อมกับเปรยเป็นนัยว่า ไม่มีใครจะบ้าเสียเงินให้กับบริษัทที่มีหนี้ท่วมหัว แถมยังต้องมาแก้หลังบ้านที่รั่วเป็นรูโหว่ และยังต้องเสียเงินจ้างทนายแก้ต่างในเรื่องที่ไม่ได้ก่ออีกด้วยล่ะจ๊ะ
งานนี้จึงอาจพูดได้ว่า “ล้มละลาย และ ล้มละลาย” ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่ลุกลามไปยังโบรกเล็กรายอื่น ๆ ที่กำลังเป็นที่เม้าท์ถึงในหมู่แมงลือ แต่ดูเหมือน ตลท. นายกโบรกฯ และ ก.ล.ต. กลับไม่กล้าพูดถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ “โมนิก้า” ในฐานะคนที่ประมวลเหตุการณ์แบบห่าง ๆ จึงทำได้แค่บอกเล่าถึงสิ่งที่สังคมกำลังวิจารณ์หนัก และเรื่องที่แมงลือเม้าท์หนักก็คือ สัปดาห์นี้ ก.ล.ต. จะตบเท้าลุยสอบโบรกเล็กทั้งหมดจ้า!
ส่วนจะเป็นโบรกเกอร์รายไหน? และเกี่ยวโยงกับใครบ้าง? “โมนิก้า” จะไล่เรียงเรื่องราวทั้งหมดให้ดูในวันพรุ่งนี้ เพราะวันนี้พื้นที่เม้าท์หมดแล้วจริง ๆ และหวังว่า แฟนคลับทุกคนจะเสพข้อมูลอย่างมีสติ และวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลนะคะ