พาราสาวะถี

เป็นลีลาการเมืองปกติ เพียงแต่ว่าช่วงนี้อาจจะได้เห็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจออกลูกติ๊ดชึ่งเมื่อถูกจี้ถามประเด็นทางการเมืองกันบ่อยหน่อย


เป็นลีลาการเมืองปกติ เพียงแต่ว่าช่วงนี้อาจจะได้เห็นผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจออกลูกติ๊ดชึ่งเมื่อถูกจี้ถามประเด็นทางการเมืองกันบ่อยหน่อย เหมือนที่ตอบคำถามนักข่าวเมื่อวันศุกร์ด้วยคำตอบที่ว่า “การเมืองก็ไม่เห็นมีอะไรนี่” พร้อม ๆ กับการย้ำถึงความชัดเจนทางการเมืองของตัวเองว่า “อ๋อ เมื่อถึงเวลาแล้วจะพูดเอง” เหตุที่ยังไม่ยืนยันทั้งที่เคยบอกว่าหลังการประชุมเอเปคจะตอบข้อสงสัยต่าง ๆ เหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะใช้เวลานานเท่าใด

เหตุผลที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่ประกาศความชัดเจนเรื่องการไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งที่ได้เข้ากราบลาพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นเป็นเพราะห่วงเรื่องมารยาททางการเมือง หรือเกรงว่าจะถูก ส.ส.จากพรรคสืบทอดอำนาจดาหน้ากันออกมาตั้งคำถาม แม้ว่าข้อกฎหมายไม่ได้ห้าม แต่ความเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่มาถึงทุกวันนี้ มาจากการเสนอชื่อของพรรคแกนนำรัฐบาล ดังนั้น เมื่อยังไม่ยุบสภาหรือครบวาระ การจะไปสมัครเป็นสมาชิกอีกพรรคการเมืองหนึ่งมันจึงเป็นเรื่องไม่งาม

ประสาคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองจึงต้องเก็บอาการต่อไป แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่าไปอยู่พรรคใหม่ล้านเปอร์เซ็นต์ ซึ่งต้องจับตาดูการปรับ ครม.ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ คงไม่มีเพียงแค่การดันให้ นริศ ขำนุรักษ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยตามที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ออกมากระทุ้งให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเร่งดำเนินการ รวมทั้งกรณีเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการในโควตาพรรคภูมิใจไทยที่ต้องหาคนมาเปลี่ยนแทน กนกวัลย์ วิลาวัลย์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต้องขยับเก้าอี้รัฐมนตรีก่อนที่จะมีการยุบสภาแม้ว่าจะไม่อยากทำก็ตาม นั่นเป็นเพราะทางการเมืองเมื่อจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งพรรคที่มีตำแหน่งทางการเมืองย่อมกุมความได้เปรียบมากกว่าผู้ที่อยู่ในซีกของฝ่ายค้าน ปัญหาอยู่ที่ว่าแล้วโควตาสองตำแหน่งของพรรคสืบทอดอำนาจ ที่ถูกริบไปก่อนหน้านั้น จะยังคงเป็นของพรรคต่อไปหรือไม่ หรือจะรวบรัดตัดตอนตั้งคนที่อยู่ในพรรคที่ตนจะไปสังกัดให้มีอำนาจทางการเมือง

การตัดสินใจเช่นนั้นเท่ากับเป็นการเตะตัดขาไม่ไว้หน้าพี่ใหญ่ และย่อมหมายความว่าการแยกกันเดินหนนี้ไม่ใช่เพื่อเป้าหมายร่วมกันตีอย่างแน่นอน แต่ถ้าหวยออกไปในสูตรที่ว่าจะมีการปรับเก้าอี้รัฐมนตรีในส่วนที่เป็นโควตาของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก่อนหน้านี้ ที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด คือ รายของ ดอน ปรมัตถ์วินัย ไม่ใช่ว่าทำงานไม่เข้าตา แต่หลังจากนี้ไปการใช้งานด้านการต่างประเทศไม่จำเป็นอีกแล้ว ต้องให้คนมีหัวโขนรัฐมนตรีเพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว

ดังนั้น เมื่อมองไปยังตัวบุคคลของพรรครวมไทยสร้างชาติ หากได้มาดำรงตำแหน่งแม้จะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ก็ถือว่ามีอำนาจถ้าพ่วงกับเก้าอี้รองนายกฯ อีกตำแหน่งก็ใหญ่โตไม่เบา หัวหน้าพรรคอย่าง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะมาเป็นเองหรือส่งใครมาทำหน้าที่ก็ได้ทั้งนั้น ต้องไม่ลืมว่าในส่วนของรัฐมนตรีโควตาพรรคสืบทอดอำนาจที่เป็นสายตรงของท่านผู้นำก็มีทั้ง สุชาติ ชมกลิ่น ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แม้กระทั่ง สันติ พร้อมพัฒน์ ที่ว่าไม่ตีจากพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. แต่จับอาการจากการไปต้อนรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจในวันลงพื้นที่เพชรบูรณ์แล้ว คอการเมืองชี้ไปในทางตีจากมากกว่าอยู่ต่อ

เช่นเดียวกันกับท่าทีของกลุ่มสามมิตรที่ไม่อาจไว้วางใจได้ ยิ่ง ธรรมนัส พรหมเผ่า พาพลพรรคหวนกลับคืนพรรคสืบทอดอำนาจ ยิ่งจะทำให้ 3 เกลอ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ อนุชา นาคาศัย ลำบากใจที่จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน ถ้าไปสมทบกับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่รวมไทยสร้างชาติ ก็น่าจะทำให้ท่านผู้นำอุ่นใจมากยิ่งขึ้น แต่ว่าการถูกหักดิบเมื่อคราวตั้ง ครม.หลังเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ทำให้สุริยะและพวกเก็บความแค้นไว้มาจนถึงทุกวันนี้ โอกาสที่จะไปหวนซบนายใหญ่จึงน่าจะเป็นไปได้เช่นกัน

ขณะที่น้องเล็กยังออกลูกลีลา รอจังหวะประกาศความชัดเจนทางการเมือง วงในใกล้ชิดแก๊ง 3 ป.เดิมก็มีข่าวเล็ดลอดมาว่าน้องรอง ป.ป๊อกทำท่าจะถอดใจบอกเลิกศาลาไม่ขอข้องเกี่ยวกับงานทางการเมืองอีกแล้ว คงมองเห็นแล้วว่า ถ้าขืนยังเดินกันแบบนี้ต่อไป มีแต่จะทำให้ความเคารพนับถือในหมู่รุ่นน้องและเพื่อนฝูงถดถอยลงไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มีหัวโขนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังมีภารกิจที่จะต้องช่วยน้องเล็กในทางการเมืองต่อโดยที่ตัวเองไม่ขอเข้าไปมีส่วนกับพรรคการเมืองที่น้องจะไปสังกัด

มองดูก็เหมือนว่าจะได้ไม่ถูกครหาในแง่ของความเป็นกลาง ซึ่งความจริงมันไม่มีอยู่แล้ว แต่ข้อเท็จจริงก็คือเสร็จศึกเลือกตั้ง น้องรองต้องการที่จะวางมือแม้ว่าพี่ใหญ่และน้องเล็กจะได้กลับมาร่วมงานทางการเมืองกันอีกคำรบจากเป้าหมายแยกกันเดินร่วมกันตีก็ตาม ส่วนทางพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.หลังจากที่มือทำงานผู้รู้ใจอย่างธรรมนัสประกาศความชัดเจนเรื่องการคัมแบ็คสู่พรรคสืบทอดอำนาจ ก็ทำให้มีความมั่นใจต่อการกำหนดทิศทางการทำงานและนโยบายของพรรคมากขึ้น

นั่นเป็นเพราะคอนเนคชั่นที่เชื่อถือได้ แม้จะมีน้องชายที่แท้จริงอย่าง “บิ๊กป๊อด” พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นคนเดินเกมสานสายสัมพันธ์กับพรรคการเมืองทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่การได้ผู้กองมันคือแป้งมาเสริมทัพมันยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็เชื่อได้ว่าพรรคสืบทอดอำนาจจะไม่ตกขบวนที่จะได้ร่วมรัฐบาลแน่นอน ส่วนเรื่องแคนดิเดตนายกฯ เบื้องต้นวางไว้ที่ตัวพี่ใหญ่กับ “บิ๊กแป๊ะ” พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ก่อน ถ้ากระแสดีก็ไม่มีเหตุต้องเปลี่ยนแปลง หากประเมินแล้วเสียมากกว่าได้ก็จะเหลือเพียงชื่อบิ๊กแป๊ะแค่คนเดียว

สำหรับประเด็นที่ว่าจะยุบสภากันหรือไม่ เมื่อมองไปยังสถานการณ์ของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่จะต้องประกาศตัวร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติโดยที่จะต้องให้ ส.ส.จากพรรคสืบทอดอำนาจและพรรคอื่นที่จะย้ายมาร่วมมีเวลาทันตามกรอบของกฎหมาย ยังไงก็ต้องยุบสภา เพราะเงื่อนเวลาในการสังกัดพรรคก่อนเลือกตั้งจะน้อยกว่าอยู่ครบวาระคือไม่น้อยกว่า 30 วัน อยู่ที่ว่าจะยุบกันช่วงเวลาไหนเท่านั้น เบื้องต้นประเมินกันไว้ว่ายาวนานที่สุดไม่น่าจะเกินปลายเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

Back to top button