ของดีที่น่าลอง

วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ที่ “โมนิก้า” มีโอกาสได้เขียนถึงหุ้นพื้นฐานแกร่งแบบเต็มคาราเบล เพราะในช่วงที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งกับหุ้น MORE


*วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ที่ “โมนิก้า” มีโอกาสได้เขียนถึงหุ้นพื้นฐานแกร่งแบบเต็มคาราเบล เพราะในช่วงที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งกับหุ้น MORE มหาประลัย จึงถือโอกาสนี้เม้าท์ถึงหุ้นดีที่น่าลองดูสักตั้ง เพราะตลาดหุ้นไทยซึมซับข่าวร้ายมามากพอสมควร และตลาดหุ้นไทยก็ลงมาในระดับที่น่าลงทุนพอดี เลยไม่อยากจะปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือโดยไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างเจ้าค่ะ

*ยิ่งเห็นอาการดัชนีแกว่งตัวยึกยักตลอดทั้งวัน และมีแรงซื้อแรงขายยื้อไปมาเป็นระยะ ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เดี๊ยนสนใจหุ้นที่มีสตอรี่เด็ดมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะมันเป็นจังหวะที่ต้องเริ่มเก็บของเพื่อเอาไปขายในราคาที่สูงขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,616.91 จุด ลบไป 3.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.86 หมื่นล้านบาท โดยแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดยังทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแบบนี้..ไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะจ๊ะ

*เหมือนกับอาการสู้มือของหุ้นปลากระป๋อง TU ก็เป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนมั่นใจขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งว่า เกมหุ้นเที่ยวนี้เปิดกว้างอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากการฟื้นตัวของกำไรในอนาคต และบริษัทลูกกำลังจะเข้าตลาดหุ้นในเดือนหน้า “โมนิก้า” ถึงเชื่ออย่างสนิทใจว่า แวลูตัวแม่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการยืนปิดที่ระดับ 17.20 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการตามน้ำพะย่ะค่ะ

*เช่นเดียวกับการไต่เพดานของราคาหุ้น BGRIM ก็กลายเป็นจังหวะที่น่าไหลตามสุด ๆ อีกเช่นกัน เพราะหุ้นผ่านช่วงตกท้องช้างเป็นที่เรียบร้อย รวมทั้งปัญหาต้นทุนพลังงานก็คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นถึงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 37.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 498 ล้านบาท ทำให้ภาพของ W-Shape ลอยเด่นมาแต่ไกล และมีลุ้นเห็นหุ้นขึ้นไปยืนเหนือ 40 บาทในเร็ว ๆ นี้นะคะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ตัวพ่ออย่าง KCE ขึ้นมาทันที เพราะราคาหุ้นพยายามขยับขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็โดนขายกดลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 47.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 701 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 21 เท่า จึงเป็นจังหวะของการเล่นตามน้ำอีกเช่นกัน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่นักเล่นเชื่อเหมือนที่เดี๊ยนเชื่อไหมล่ะจ๊ะ

*เรื่องข้างต้นทำให้หุ้นผลไม้อบแห้งน้องใหม่อย่าง CH กลายเป็นดาวเด่นที่น่าตามไปดูอย่างใกล้ชิด เพราะในมุมของผลประกอบการก็รู้ได้ทันทีว่า “โตชัวร์” และในปีหน้าก็มั่นใจได้ว่า “โตอีก” เพราะเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนเอาไปขยายงาน ซึ่งอาจเป็นการเข้าไปทำ “จอยท์เวนเจอร์” หรือ “เทคโอเวอร์” ก็ทำได้ทั้งนั้น เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 4.44 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท น่าล่นเหลือเกินเจ้าค่ะ

*คล้ายกับในรายของ SC ก็ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวานนี้โชว์พลังด้วยการกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.08 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 5.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 208 ล้านบาท ก็เป็นจังหวะที่น่าเล่นตามอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจาก BV ที่อยู่ในระดับ 4.90 บาท ผสานกับอัตราเงินปันผลตอบแทนในแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 5% เป็นอย่างต่ำ จึงกลายเป็นหุ้นที่ควรคู่กับการลงทุนทุกประการนะจ๊ะ

*เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องรีบหันมามองยักษ์หลับที่เริ่มตื่นอย่าง JR ในทันที เพราะเมื่อดูจากการได้งานใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ และน่าจะได้เพิ่มอีกในเดือนหน้า เนื่องจากเป็นช่วงของการเร่งเบิกจ่ายโครงการต่าง ๆ เดี๊ยนเลยเชื่อได้ทันทีว่า แบ็กล็อกพุ่งกระฉูดอย่างแน่นอน เพราะเมื่อไล่ไทม์ไลน์เฉพาะสายสีชมพู และสายสีเหลือง ก็ทำให้การยืนปิดที่ระดับ 6.90 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37 ล้านบาท น่าลุยสุด ๆ นะจะบอกให้

*ตบท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง A5 กันดีกว่า เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 3.76 บาท บวกไป 0.52 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 787 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงเม้าท์มอยถึงพวกขาใหญ่ดังระงมไปทั่วแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมวัดใจสำหรับพวกกล้าได้กล้าเสีย เพราะในมุมของพื้นฐานไม่น่าจะมาไกลขนาดนี้! แต่ถ้ามองในมุมของเก็งกำไรแบบสุดซอย นี่เป็นจังหวะที่ต้องโหนกระแสเจ้าค่ะ

Back to top button