ลุยต่อ
หลังจากตลาดหุ้นไทยโดนเขย่าแรงตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ถึงเวลาทะยานขึ้นอย่างเต็มตัวอีกครั้ง หลังราคาหุ้นตอบรับกับความกังวลต่าง ๆ นานา มากมาย
*หลังจากตลาดหุ้นไทยโดนเขย่าแรงตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ถึงเวลาทะยานขึ้นอย่างเต็มตัวอีกครั้ง หลังราคาหุ้นตอบรับกับความกังวลต่าง ๆ นานา มากมาย ซึ่งมีทั้งการตอบรับในลักษณะ sell on fact และการตอบรับในลักษณะ so sad ก็มากโข ผนวกกับสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการเซ็ตเกมหุ้น จึงเป็นจังหวะของการซื้อรอบใหม่เพื่อเก็งผลงานในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 65 ฟื้นตัวแรงไงล่ะคะ
*งานนี้ใครจะเม้าท์อย่างไร..จะพูดอย่างไรก็ช่าง เพราะหลักที่ “โมนิก้า” ใช้บอกเล่ากับแฟนคลับให้ความสำคัญกันที่เรื่อง “กำไร” กับเรื่องของภาวะ “เศรษฐกิจ” มีแนวโน้มเป็นเช่นไร! และในเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ย่อมหมายถึงโอกาสที่บริษัทต่าง ๆ จะปั๊มกำไรเปิดกว้างขึ้นกว่าเดิม จึงเป็นจังหวะของการลุยเคาะขวาแบบสุดซอยกันไปเลยนะจ๊ะ
*แรงขับเคลื่อนข้างต้นจึงเป็นแรงหนุนให้ดัชนีไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 1,624.39 จุด บวกไป 7.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.77 หมื่นล้านบาท ก็เป็นเรื่องที่น่าแฮปปี้สุด ๆ เพราะสถานการณ์โดยรวมของประเทศไทย และทั่วโลกยังอยู่ในทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง “โมนิก้า” จึงกล้าพูดได้ทันทีว่า เดือน ต.ค. หุ้นไทยขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนสถานการณ์ในเดือน พ.ย. หุ้นไทยแกว่งตัวเป็นหลัก..แล้วช่วงที่เหลือของปีอีก 1 เดือน..ทำไมจะไม่ขึ้นล่ะพ่อคุณ
*เหมือนกับรายของน้องมิ้น MINT ก็ไต่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ก็ถูกรินขายเรื่อย ๆ จนวานนี้เด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 30.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลด้วยประการทั้งปวง แถมสตอรี่ต่าง ๆ ก็เห็นเป็นรูปธรรมว่า ดีขึ้นจริง! เดี๊ยนถึงเชื่อว่า ในไม่ช้าจะมีการยกฐานใหม่ที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน เพราะองค์ประกอบต่าง ๆ มันเอื้อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ
*เม้าท์ถึงทรงหุ้นที่ฟื้นตัวต่อเนื่องขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเหลือบมองไปที่หุ้น KBANK กันสักหน่อย เพราะการไต่ขึ้นจากโลว์เดิมที่ทำไว้แถว 140 บาท จนขึ้นมาทำไฮที่ระดับ 150 บาท โดยใช้เวลาแต่ละวงรอบไม่เกิน 2 สัปดาห์ มันทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 145.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.71 พันล้านบาท มันเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูอย่างใกล้ชิดเจ้าค่ะ
*ในเมื่อคิดจะลุยแบบสุดซอยกันทั้งที โดยยึดโยงกับธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก ก็ควรให้พื้นที่กับหุ้นลูกอ๊อด AOT กันสักหน่อย เพราะทุกคนรู้ดีว่า นี่คือเสือนอนกินตัวพ่อที่กลับมาพองตัวอีกครั้ง และการที่หุ้นไต่ระดับจาก 60 บาทอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ต้นปี จนล่าสุดขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 74.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 909 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 3 ปี น่าจะหมายความว่า หุ้นคงไม่หยุดเพียงเท่านี้นะจ๊ะ
*หุ้นอีกรายที่น่าจะคัมแบ็คเต็มตัวในปีหน้า “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CPN หลังไต่เพดานบินขึ้นมาเรื่อย ๆ (จากต้นปีอยู่ที่ 50 บาท) จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 69.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 631 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่ห่างไกลจากราคาพีค ๆ ที่บริเวณ 85 บาทแบบนี้ มันทำให้เดี๊ยนนึกถึงตำราหุ้นที่ได้กล่าวไว้ว่า นี่เป็นจังหวะของการแรลลี่อย่างแน่นอน ผสานกับผลงานของบริษัทก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงเหมาะต่อการ follow buy นะจะบอกให้
*ส่วนหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลงมาสักพัก แต่ยังรักษาทรงได้พอตัว “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น PTTGC เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูไทม์ไลน์ที่ราคาหุ้นลงมาเป็นเวลาร่วมปี และหุ้นก็ตอบรับกับพลิกขาดทุนเป็นที่เรียบร้อย น่าจะถึงเวลาที่ทุกอย่างกลับคืนสภาพปกติเสียที เดี๊ยนถึงมองราคาปิดที่ระดับ 48.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 772 ล้านบาท ท่ามกลาง BV 64 บาท เหมือนส่งสัญญาณให้รู้ว่า เตรียมคัมแบ็คหรือเปล่า?..คิดซิ..คิดซิ
*ส่วนรายที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดอาการตื่นเต้นอีกครั้ง คงชี้เป้าไปที่หุ้น ECF เพราะราคาหุ้นไหลลงในลักษณะแกว่งตัวลงตั้งแต่ต้นปี ยิ่งใกล้ถึงช่วงประกาศงบแต่ละไตรมาสทีไร ยิ่งโดนกระหน่ำขายแบบไม่มีเยื่อใย แต่เที่ยวนี้ไม่เหมือนเที่ยวก่อน ๆ เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างชัดเจน และน่าจะเป็นผลดีกับบริษัทเต็ม ๆ เดี๊ยนจึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1.84 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 149 ล้านบาท น่าเล่นตามน้ำสุด ๆ นะคะ