ภาษีปล้นตลาดหุ้น
รัฐบาลชุดนี้ชอบปล้นตลาดหุ้น! ก่อนจะมาเรียกเก็บภาษีขายหุ้น ก็ปล้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา
รัฐบาลชุดนี้ชอบปล้นตลาดหุ้น! ก่อนจะมาเรียกเก็บภาษีขายหุ้น ก็ปล้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ปล้นปตท.ครั้งที่ 1 คือการขอเงินบริจาค 3,000 ล้านบาทมาสมทบช่วยกองทุนน้ำมัน เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาท/ลิตร
ปล้นปตท.ครั้งที่ 2 คือการนำรายได้จากโรงแยกก๊าซ 6,000 ล้านบาทมาตรึงค่าไฟในระดับเดิมยูนิตละ 4.72 บาท ไม่ให้ทะลุไปเป็น 5.70 บาทในช่วง ม.ค.หน้า-สิ้น เม.ย.
รวม 2 รายการนี้ก็เป็น 9,000 ล้านบาท
เรื่องนี้ ถ้าคิดหยาบ ๆ ปตท.ก็ยังมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลจะปู้ยี่ปู้ยำทำแกงอย่างไรกับปตท.ก็ทำได้
แต่ก็ต้องพิจารณาปตท.ในอีกสถานะหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนผู้ถือหุ้นด้วย
รัฐหยิบเงินปตท.ไป 9 พันล้าน ก็ต้องไปเบียดบังเอากับเงินปันผลผู้ถือหุ้น และกดราคาหุ้นปตท.ลงด้วย
มันเป็นเรื่องต้องพิทักษ์รักษาหลักการของตลาดทุน ที่จะต้องรักษาความเป็นอิสระ ปลอดจากการแทรกแซงโดยรัฐ เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นสู่มาตรฐานระดับโลก
ประการสำคัญที่สุดก็คือจะต้องปกป้องรักษาผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นโดยถ้วนทั่ว ซึ่งมิใช่มีแต่ภาครัฐฝ่ายเดียวเท่านั้น (รัฐก็ถือหุ้นทางตรงและอ้อม 63.27%)
มันน่าแปลกใจว่าตลท. ก.ล.ต. และหรือสภาตลาดทุนไทย นิ่งดูดาย ไม่รู้สึกรู้สาในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นได้อย่างไร ตลาดหุ้นอะไรไม่ปกป้องประโยชน์ผู้ถือหุ้นที่เชิญชวนเขามาลงทุน
ผมเคยเสนอทางออกมาหลายครั้งแล้วว่า ถ้ารัฐจะล้วงควักเงินอะไรจากปตท. ก็ใช้วิธีอารยะที่ตลาดทุนมาตรฐานเขาทำกัน คือจ่ายเป็นเงิน “ปันผลพิเศษ” เพิ่มเติมจาก “ปันผลปกติ” มาสิ ซึ่งผู้ถือหุ้นทั้งรัฐ-เอกชนต่างก็ได้รับประโยชน์พิเศษโดยเสมอภาค
จำเนียรกาลมาถึงรอบนี้ รัฐบาลหน้ามืดหนัก คิดการใหญ่จะปล้นตลาดหุ้นกันถึงปีละประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยเรียกเก็บภาษีการขายหุ้น 0.05 ในปีหน้า 66 เป็นปีแรก และปี 67 เพิ่มเป็น 0.10
ผมว่ารัฐบาลชุดนี้กะล่อนมาก ที่บิดเบือนการเรียกเก็บภาษีขายหุ้นมาเป็น “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” ที่ใช้จัดเก็บจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งราคาที่ดินมีแต่ขึ้น จึงมีแต่ขายแล้วกำไร ไม่มีรายการขาดทุน
แต่การขายหุ้น ไม่ใช่ว่าขายแล้วมีกำไรถ่ายเดียวซะเมื่อไหร่ ขายแล้วขาดทุนก็มี และอาจจะมากใกล้เคียงกับการขายแล้วกำไรซะด้วย
มันควรจะเก็บภาษีขายจากรายการที่มีกำไรครับ หากขายขาดทุน ก็พึงละเว้นการจัดเก็บ เหมือนเช่น “ภาษีการค้า” ทั่วไป ที่มีกำไรก็จ่าย ขาดทุนก็ไม่ต้องจ่าย
ระบบเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เขาเรียกว่า “แคปปิตอล เกน แท็กซ์” (Capital Gain Taxes) คือมี “เกน” หรือกำไรถึงจะเก็บ แต่ถ้ามี “ล็อส” หรือขาดทุน ยังจะไปซ้ำเติมนักลงทุนอีกทำไม มันไม่ “ซาดิสต์” เกินไปหน่อยหรือ “ลุง”
ระบบนี้มีใช้ในออสเตรเลีย ยืนยันได้ครับ และประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกก็ไม่มีการจัดเก็บภาษีหุ้น เนื่องจากไม่มีรัฐบาลไหนเขาบิดเบือนหลักการภาษีการค้ามาเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะกัน
ดำริการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น จึงเป็นหลักการภาษีอันอยุติธรรมและก่ออันตรายอย่างยิ่งแก่การพัฒนาตลาดหุ้นไทย
แหกกฎทุกอย่างเพียงเพื่อจะปล้นตลาดหุ้น ตลท. ก.ล.ต. และสภาตลาดทุนไทย มัวทำอะไรกันอยู่ ถึงปล่อยให้รัฐบาลทำลายล้างตลาดได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้