ฆ่าแมงเม่า..ยกหางกองทุน
เรื่องภาษีขายหุ้นที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ดันมีลับลมคมในซ่อนไว้แบบหน้าด้าน ๆ แถมยังขัดกับเจตนารมณ์ดั้งเดิมชนิด “หน้ามือเป็นหลังเท้า”
*ก่อนอื่นเดี๊ยนขออุทานด้วยความตกใจก่อนว่า อุ้ย..ตาย..ว้าย..กรี๊ด! สักหน่อย เพราะเรื่องภาษีขายหุ้นที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ดันมีลับลมคมในซ่อนไว้แบบหน้าด้าน ๆ แถมยังขัดกับเจตนารมณ์ดั้งเดิมชนิด “หน้ามือเป็นหลังเท้า” เดี๊ยนจึงต้องกระโดดลงมาตีแสกหน้า “อาคม” แบบสุดซอย เพราะเรื่องนี้เหมือนเป็นการเอาเปรียบแมงเม่าแบบไร้ยางอาย และไม่สมควรที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้โดยที่น้องโมไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ
*เนื่องจากคำว่า “ภาษีขายหุ้น” มันเป็นหน้าที่ของทุกคนต้องจ่าย จึงไม่ควรมีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น และการที่คลังออกหน้าแบบสุดซอยด้วยการยกเว้นกองทุนไม่ต้องจ่ายภาษี (จริง ๆ มันคือ ค่าต๋ง) ก็เป็นเรื่องที่อุบาทว์เป็นอย่างยิ่ง เพราะมันทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน และขอเดินหน้าขุดคุ้ยความโหลยโท่ยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเจ้าค่ะ
*งานนี้ยังยืนยันคำเดิมว่า ถ้าคิดจะเก็บภาษีขายหุ้น ก็ต้องเก็บให้เหมือนกันทุกคน..ถ้าทำไม่ได้ จะเดินหน้าเก็บหาพระแสงหอกหักอะไรมิทราบ “โมนิก้า” จึงต้องลุกออกมาพูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นธรรม เพราะผู้ใหญ่ในตลาดหุ้นต่างหุบปากเงียบกันเป็นแถว ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีโอกาสคัดค้านสิ่งที่กระทรวงการคลังกระสันอยากจะทำ แต่กลับไม่กล้าฮืออะไรทั้งนั้น…แสดงว่า พวกคุณได้ประโยชน์บางอย่างใช่ไหมคะ
*ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว “โมนิก้า” ก็ต้องทวงถามความรับผิดชอบของ “สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” หรือ FETCO ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิก 7 องค์กร ประกอบด้วย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พวกคุณ ๆ ทำสากกะเบืออะไรกันอยู่มิทราบพะยะค่ะ
*ตรงนี้แหละที่ทำให้บางคนเกิดความสงสัยในบางประการขึ้นทันที เพราะเมื่อดูรายชื่อองค์กรที่เกี่ยวข้องมันทำให้เชื่อว่า มีบางองค์กรได้ประโยชน์จากเรื่องภาษีหุ้น และเป็นเหตุผลที่หน่วยงานเหล่านี้ทำตัวเป็นพวกหูหนวกตาบอด เดี๊ยนถึงต้องไล่เรียงประเด็นที่เป็นปัญหาคือ กองทุนได้รับการยกเว้น และมาร์เก็ตเมกเกอร์ก็ได้รับยกเว้นเช่นกัน ความซวยทั้งหมดเลยตกมาที่แมงเม่าเต็ม ๆ นะจะบอกให้
*ว่าถึงเรื่องกองทุนที่ได้รับการยกเว้นภาษี ก็ทำให้เห็นช่องว่างในการซิกแซกเพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษีมันง่ายนิดเดียว เพราะแค่มีเงินแล้วเดินไปหาพวกกองทุน ก็สามารถเปิดกองทุนส่วนบุคคลได้ทันที และใช้ช่องทางนี้ทำการเทรดหุ้นอย่างสบายบรื๋อสะดือโบ๋ และตรงนี้กระมังที่ทำให้มีข่าวเม้าท์ออกมาตลอดทั้งวันว่า โอกาสทองหล่นทับตีนกองทุนเต็ม ๆ เพราะแค่นอนอยู่เฉย ๆ ก็มีคนวิ่งมาหากันเป็นพรวนเจ้าค่ะ
*ที่สำคัญคือ นี่เป็นการผลักให้แมงเม่าต้องเข้าไปซบตักกองทุนแบบศิโรราบ และทำให้ตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห์ไปในทันที เนื่องจากตลาดหุ้นไทยเคยเป็นตลาดหุ้นที่ประเทศเพื่อนบ้านอิจฉาตาร้อนกันทั้งนั้น เพราะมีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก พร้อมกับมีการเร่งให้ความรู้ในการลงทุน รวมทั้งมีการนำหุ้นใหม่ ๆ เข้ามาจดทะเบียนตลอดเวลา จึงทำให้มูลค่าการซื้อขายแซงหน้าสิงค์โปร์..ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วนะจ๊ะ
*ประเด็นถัดมาคงเป็นเรื่องของมาร์เก็ตเมกเกอร์ได้ยกเว้นภาษี เรื่องนี้ก็ทำให้โบรกเกอร์ได้ประโยชน์เต็ม ๆ เพราะคนพวกนี้เป็นคนที่ออก DW DR REIT และ Infra Fund จึงซื้อ ๆ ขาย ๆ อย่างสบายใจเฉิบ เพราะมีแต้มต่อเมื่อเทียบกับแมงเม่าที่เข้ามาปุ๊บ ก็มีต้นทุนสูงกว่าปั๊บแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เกินไปสำหรับการเล่นแบบแฟร์ ๆ จึงอยากให้กลุ่มคนที่เกี่ยวข้องออกมาอธิบายเรื่องราวเหล่านี้สักหน่อย
*เนื่องจากสิ่งที่เห็นในเวลานี้เป็นเหมือนการฆ่าแมงเม่าทางตรง และควรมีคำชี้แจงที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพราะเขาว่ากันว่า ขั้นตอนหลายอย่างทำรวบรัดเกินไปหน่อย “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้หลายคนได้ขบคิดถึงประเด็นที่ผู้คนเม้าท์กันสนั่นหวั่นไหวว่า “จริงหรือไม่จริง” เพราะเรื่องราวทั้งหมดควรได้รับการแจกแจงแบบละเอียดยิบ เพื่อทำให้ทุกคนได้สิ้นสงสัยกันเสียทีเจ้าค่ะ