ดึงเงิน ปตท. ตรึงค่าไฟ
ประเด็นรัฐบาลนำเงินกว่า 6,000 ล้านบาท ของ “ปตท.” มาตรึงค่าไฟ ส่งผลให้ราคาหุ้นที่กำลังเด้งกลับขึ้นไป ต้องหล่นมาที่แนวรับ 33.00 บาท อีกครั้ง
ประเด็นรัฐบาลนำเงินกว่า 6,000 ล้านบาท ของ “ปตท.” หรือ PTT มาตรึงค่าไฟ
ส่งผลให้ราคาหุ้นที่กำลังเด้งกลับขึ้นไป
ต้องหล่นมาที่แนวรับ 33.00 บาท อีกครั้ง
กลุ่มนักลงทุนที่ขายหุ้นออกมา
มีทั้งกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ประเภทกองทุน และรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ กรณีการดึงเงินหกพันล้านบาทล่าสุดนี้
จะกระทบกับ “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนสถาบันและต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน (รวมถึงรายย่อย)
เรื่องนี้คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด
เพราะในมุมของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เอง ต่างดีดลูกคิดประเมินกันออกมาว่า จะกระทบกับผลประกอบการของ ปตท.ในไตรมาสแรก และไตรมาสสองของปีหน้าแน่นอน
แต่จะกระทบไปยังการจ่ายเงินปันผลด้วยหรือเปล่านั้น
ยังเกินกว่าที่จะคาดการณ์
นักลงทุนต่างบอกว่า การดึงเงินในรูปแบบนี้
ขณะที่ ปตท. เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีกลุ่มผู้ถือหุ้นจำนวนมาก
เสมือนเป็นการ “มองข้าม” ผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ
หรือหากใช้ภาษาแบบเข้าใจง่าย ๆ คือ “ไม่เห็นหัว” นักลงทุนรายอื่น ๆ
ย้อนกลับมาที่ราคาหุ้นของ ปตท. กับแนวรับสำคัญ 33.00 บาท
ทั้งกองทุน และต่างชาติ อาจกำลังจับตาดูว่า รัฐบาลจะมีนโยบายการดึงเงินจาก ปตท. อีกหรือไม่
รวมถึงการจ่ายเงินปันผลจะออกมาอย่างไร
หากทุกอย่างออกมา และเป็นเชิงลบกลับ ปตท.
แนวรับที่ว่ากันว่า สุดแข็งแกร่ง นั้น
อาจจะลงมาต่ำกว่านั้นเป็นได้
มีการประเมินว่า หากผู้ถือหุ้น (รายอื่น ๆ) ของ ปตท.ต้องเผชิญกับข่าวร้ายต่อไป
ราคาหุ้นอาจจะหลุดที่ระดับ 33.00 บาท
และอาจจะลงต่อเนื่องลงไปต่ำกว่า 30.00 บาท เพราะอาจเกิดการแพนิกที่นักลงทุนกลุ่มอื่น ๆ แห่เทขายตามกันออกมาอีก
ฉะนั้น ณ ปัจจุบัน จึงยังไม่อาจเห็นราคาหุ้นของ ปตท.ดีดกลับขึ้นไปได้ง่ายนัก
ยิ่งราคาหุ้นได้ลงมาแตะบริเวณ 33.00 บาท ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา
และอยู่ตรงนี้มาเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว
ดูสัญญาณทางเทคนิค ไม่ค่อยดีนัก
ยิ่งหากกองทุน และต่างชาติ ปล่อยขายไม้ใหญ่ตามมาอีก
มีโอกาสที่ราคาจะลงต่อทันที
ด้านนักลงทุนรายย่อยเอง คงต้องระวังการปล่อยของจากนักลงทุนรายใหญ่สองกลุ่มนี้
ทว่า หากเกรงจะตกขบวน
มีคำแนะนำว่า ให้ค่อย ๆ เข้าทีละไม้
ไม้แรกรอรับ 33.00 บาท
หากราคาจับพลัดจับผลูร่วงลงต่อ ต้องไปรอที่แนวรับถัดไป บริเวณ 30.00 บาท
และกรณีเลวร้ายสุดแนวรับ 26.00 บาท น่าจะเป็นปราการแข็งแกร่ง
แต่หากไม่มีข่าวร้ายจากภาครัฐเข้ามาเพิ่ม แล้วราคาหุ้นดีดกลับ
แนวต้านแรกยังอยู่บริเวณ 35.00 บาท
และมีแนวต้านใหญ่ที่ระดับ 38.00 และ 40.00 บาท