ภาษีขายหุ้น รัฐเอาแต่ได้
วานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังคงบอกว่า จะเดินหน้าเก็บ “ภาษีขายหุ้น” ต่อไป แม้จะมีการทักท้วงจากองค์กรต่าง ๆ
วานนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังคงบอกว่า จะเดินหน้าเก็บ “ภาษีขายหุ้น” ต่อไป
แม้จะมีการทักท้วงจากองค์กรต่าง ๆ บุคลากรในตลาดทุน ที่ออกมาให้ข้อมูลถึงตลาดหุ้นไทยยังไม่มีความพร้อม และรวมถึงผลเสียที่จะตามมา
แต่ดูเหมือนว่า รมว.คลังจะไม่ได้สนใจ
และตอบเหมือนกับทุกครั้งว่า ศึกษามาดีแล้ว
ส่วนวันนี้ (8 ธ.ค.) ที่นักลงทุนรายย่อยจะรวมพลังประท้วงการเก็บภาษีขายหุ้น
ด้วยการนัดหยุดเทรด 1 วันนั้น
รมว.คลัง บอกเป็นนัยว่า “เป็นสิทธิของนักลงทุน”
จะเห็นได้ว่า การตอบของ “ข้าราชการเกษียณ” แล้วมาทำงานการเมืองนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรี
กับบุคคลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือมาจาก ส.ส.
ทั้งวิธีการบริหาร และการตอบคำถามจะแตกต่างกันมาก
รัฐมนตรีที่มาจากข้าราชการประจำ (เกษียณ) มักจะมองในมุมของรัฐว่า รัฐจะต้องได้อะไร อย่างไร
ส่วนผลกระทบต่อประชาชน นักลงทุน เป็นเรื่องรอง
แทบจะมองไม่เห็น หรืออาจจะตั้งใจมองไม่เห็นถึงปัญหาที่ประชาชน และนักลงทุนจะได้รับ
ย้อนกลับมาที่การเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายย่อยถึงการหยุดเทรด 1 วัน ในวันนี้ (8 ธ.ค.)
เชื่อว่า รายย่อยเองก็ไม่ได้คาดหวังว่า จะได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร
แต่อย่างน้อยเป็นการส่งสัญญาณออกไปยังรัฐบาลว่า สิ่งที่รัฐดำเนินการอยู่ มันจะส่งผลเสียหายร้ายแรงตามมาอย่างไรกับวงการตลาดทุน
เป็นการตอกย้ำถึงผลการศึกษาทั้งของสภาธุรกิจตลาดทุน (FETCO) ที่พยายามคัดค้านมาตลอด ให้ข้อมูลต่าง ๆ
ขณะที่รัฐบาลอ้างว่าเพื่อความเป็นธรรม
แต่รายย่อย คนในวงการตลาดทุนบอกว่าไม่เป็นธรรม
เพราะมีการยกเว้นภาษีให้นักลงทุนบางกลุ่ม แต่รายย่อยทั่วไปไม่ได้รับการยกเว้น
การขายหุ้นแม้ว่าจะขาดทุน ก็ยังคงมีการจัดเก็บ ฯลฯ
ที่คือบางตัวอย่างที่มีการหยิบยกกันขึ้นมาว่า ที่รัฐบาลบอกว่า เพื่อความเป็นธรรม แต่หากพิจารณาดูดี ๆ แล้ว “ไม่ได้มีความเป็นธรรม”
ล่าสุด TDRI ยกตัวเลขรายได้ที่รัฐบาลจะได้ 1-2 หมื่นล้านบาทจากภาษีขายหุ้น
ไม่มีความคุ้มเลยกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหรือมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยที่มีมูลค่าเกือบ 20 ล้านล้านบาท อาจจะต้องพังลง หรือมูลค่าวูบลงไปอย่างมาก
FETCO ย้ำเสมอว่า รัฐกำลังเผชิญกับสิ่งที่ “ได้ไม่คุ้มเสีย”
ภาษีนิติบุคคล ถูกจัดเก็บได้ลดลง บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดน้อยลง สตาร์ตอัพ และเอสเอ็มอี จะเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนยากขึ้นจากสภาพคล่องในตลาดลดลง
และยังมีอีกหลายเหตุผลที่พยายามให้รัฐบาลมองเห็น (แต่อาจแกล้งเป็นมองไม่เห็น)
มีการเสนอว่า รัฐควรไปจัดเก็บ หรือเพิ่มรายได้จากภาษีอื่น ๆ น่าจะดีกว่า
ทว่า กลับไม่มีการตอบรับจากทางรัฐมนตรีคลัง
รัฐที่คิดเอาแต่ได้
มักจะมีปฏิกิริยาแบบนี้