พาราสาวะถี
เข้าข่ายปากกล้าขาสั่นหรือไม่ หลังกลับจากเบลเยียมวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีทางการเมือง
เข้าข่ายปากกล้าขาสั่นหรือไม่ หลังกลับจากเบลเยียมวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีทางการเมือง เมื่อพบว่าพรรคแนวร่วมที่เคยเป็นผู้ค้ำยันในขบวนการสืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้งปี 2562 เริ่มมีความเด่นชัดต่อทิศทางทางการเมืองมากขึ้น ภูมิใจไทยจะใช้จังหวะทำบุญพรรคหลังรีโนเวทใหญ่เปิดตัว ส.ส.กินกล้วยอย่างเป็นทางการ ตามข่าวจะมีมากถึงกว่า 40 คนจากหลายพรรคการเมือง
นั่นหมายความว่า เป้าหมายถ้าได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนายกรัฐมนตรีจะต้องชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล เท่านั้น เท่ากับว่า เป็นการปิดโอกาสที่จะขอกลับมาทำหน้าที่ผู้นำประเทศต่ออีก 2 ปีของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปโดยปริยาย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ระส่ำระสายอย่างหนัก เนื่องจากคะแนนนิยมในตัวผู้นำพรรคอย่าง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ไม่มีวี่แววว่าจะรุ่งโรจน์มีแต่สาละวันเตี้ยลง หากไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงก่อนเลือกตั้ง ความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นพรรคต่ำสิบย่อมมีสูง
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคเก่าแก่ คือ บรรดากรรมการบริหารพรรคทยอยลาออกเพื่อให้มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่งตามข้อบังคับพรรค อันจะเป็นผลให้อู๊ดด้าต้องหล่นจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคไปโดยปริยาย เมื่อนั้นก็จะเป็นการเปิดทางให้มีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ นาทีนี้ถ้า ชวน หลีกภัย ไม่ลงมากุมบังเหียนเอง หันซ้ายแลขวาก็เหลือแต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ยังคงสถานะความเป็นสมาชิกพรรคอยู่น่าจะเป็นผู้ที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์อีกรอบ แม้จะเคยนำพาพรรคปราชัยหลายหน แต่การกลับมารอบนี้อาจไม่เหมือนเดิม
เหตุผลหนึ่งคือ หลังได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจจนต้องโลว์โปรไฟล์ตัวเองไปเกือบ 4 ปี ย่อมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเมืองและบ้านเมืองปลดล็อกไปจากอำนาจเผด็จการสืบทอดอำนาจ หากเป็นไปตามนี้ย่อมส่งผลสะเทือนต่อผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในแนวรบที่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา หลังอนุทินประกาศแน่วแน่ที่จะเป็นนายกฯ แล้ว ก็เหลือเพียงพรรคเก่าแก่เท่านั้นที่ยังเป็นความหวังว่าจะจับมือกันอย่างเหนียวแน่นหลังเลือกตั้งครั้งหน้า
ถ้าเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคแล้วอภิสิทธิ์ขึ้นมาแทน ก็เท่ากับเป็นการแสดงจุดยืนไปในตัวว่าพรรคเก่าแก่ไม่สนับสนุนขบวนการสืบทอดอำนาจอีกต่อไป ซึ่งนั่นก็จะเป็นอีกด้านหนึ่งที่คนในพรรคหวังว่าจะช่วยทำให้คะแนนของพรรคกระเตื้องขึ้นมาบ้าง และน่าจะเป็นโอกาสของคนรุ่นใหม่ภายในพรรคที่จะได้แสดงพลังร่วมกับบรรดา ส.ส.รุ่นเก่าที่ยังเป็นความหวังในหลายพื้นที่ ด้วยความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้นี่เองจึงทำให้การวางแผนที่จะประกาศตัวเดินหน้าทางการเมืองของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่ในภาวะลังเล รีรอ
ยิ่งผลโพลของแต่ละสำนักหากเป็นยี่ห้ออื่นอาจจะบอกว่าไม่เชียร์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว เอาแค่ซูเปอร์โพลที่รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองอยู่แล้วว่าดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ใด ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อท่านผู้นำก็ลดฮวบไปอยู่อันดับ 3 โดยมีอนุทินเป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่มีคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งหมดเหล่านี้คือกระแสของการต้องการความเปลี่ยนแปลง พอกันทีกับระยะเวลากว่า 8 ปี ที่ประเทศชาติและประชาชนหมดความหวัง ไร้อนาคต
แม้ว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะอ้างว่าผลโพลไม่มีผลต่อการตัดสินใจ ตามมาด้วยบรรดาลิ่วล้อสอพลอที่ดาหน้าให้สัมภาษณ์โพลที่ออกมาสวนทางกับความจริง รอให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจประกาศความชัดเจนทางการเมืองแล้วเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ บรรดากองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตาก็คงอยากจะให้เป็นเช่นนั้น แต่หากเงยหน้ามามองโลกแห่งความเป็นจริงแล้วยอมรับกับสิ่งที่สัมผัสได้ย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่พูดกับสิ่งที่เห็นเป็นไปในทางเดียวกันหรือไม่
ไม่ต้องไปมองภาพใหญ่ เอาแค่การระดม ส.ส.เพื่อให้ติดสอยห้อยตามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปยังพรรครวมไทยสร้างชาติ วันนี้เกิดภาวะนัดแล้วไม่มา ที่มาแล้วก็ถูกมองว่ามีโอกาสจะกลายเป็น ส.ส.สอบตกสูงกว่าจะได้เป็น เช่นนี้จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจออกอาการเงื้อง่า ทั้งที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะประกาศจุดยืนและความชัดเจนทางการเมือง นับตั้งแต่เสร็จสิ้นการเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่ ส.ส.กทม.ของพรรคสืบทอดอำนาจที่เดิมตกปากรับคำว่าจะตามมาอยู่ด้วยเกินกว่าครึ่งจากจำนวนที่มีอยู่ 12 คนนั้น ทำไปทำมาเหลือแค่ 2 คนที่ยืนยันว่ามาแน่ ขณะที่อีกสองซึ่งก่อนหน้านี้ย้ำว่าไม่เปลี่ยนใจก็เกิดอาการหันรีหันขวางเพราะได้รับข้อเสนออันงามหยดจากพรรคภูมิใจไทย ยิ่งมาถูกเร่งเร้าด้วยประเด็นที่ว่าใครจะมาต้องลาออกเพื่อไปแสดงตัวเข้าร่วมพรรคของเสี่ยหนูในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ มันจึงทำให้เห็นทิศทางของคนที่พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเคยติดต่อไว้ว่าจะเหลือจำนวนเท่าไหร่
คงทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจได้เข้าใจสัจธรรมทางการเมืองแล้วว่า ที่ตัวเองเคยพล่ามมาตลอดตั้งแต่ยึดอำนาจว่านักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวนั้นเป็นอย่างไร ความจริงประสาผู้ฝักใฝ่ธรรมะที่พร่ำสอนคนไปทั่วก็น่าจะตาสว่างตั้งแต่คำพูดของตัวเองที่ว่าเป็นนายกฯ ไม่เห็นยากตรงไหนมันถูกทำลายไปแล้ว แต่ก็ยังจะดันทุรังเพื่อเป้าหมายอยู่ยาว มันจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ เห็นพี่ใหญ่ใช้วิธีตกปลาในบ่อเพื่อนรอบที่แล้วสำเร็จ คิดว่าง่าย โดยลืมไปว่าปัจจัยสร้างความได้เปรียบต่าง ๆ นั้นมันไม่เหมือนเดิม
ไม่มีอำนาจเผด็จการ คสช.มาข่มทับ พวกที่มีคดีความถึงกับต้องยอมยกธงขาวมาเข้าร่วมพรรคสืบทอดอำนาจแบบไม่มีทางสู้ บางรายบางพวกถูกพลังดูดชนิดยากปฏิเสธแถมพกการล่อด้วยเก้าอี้รัฐมนตรี แต่พอได้เป็นรัฐบาลแล้วทุกอย่างไม่เป็นไปตามสัญญา มันจึงเป็นจังหวะที่นักการเมืองรอเอาคืน ยิ่งการเลือกตั้งหนนี้จะเป็นกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ นักการเมืองพวกเขี้ยวลากดินย่อมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทยที่ถึงชูสโลแกนแลนด์สไลด์
ปฏิบัติการณ์เปิดตัว ส.ส.ย้ายพรรคของภูมิใจไทย ไม่ได้มีอะไรน่าตกใจสำหรับพรรคนายใหญ่ เพราะ ส.ส.ที่จะตีจากก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ถ้ายังอยู่จำนวนเกินครึ่งพรรคจะไม่ส่งลงสมัครด้วยเหตุผลการทำงานในพื้นที่ และเสียงสะท้อนมาจากประชาชน ไม่ว่าจะแย่งชิงตัว ส.ส.กันแบบไหน เวลานี้ทิศทางการเมืองในหมู่นักเลือกตั้งต่างชี้ไปในแนวทาง “ไม่เอาผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ” เป็นด้านหลัก เมื่อมองเห็นอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร มันจึงเป็นเหตุผลให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไม่ยอมประกาศความชัดเจนเสียที