ANAN กำไรพิเศษ 506 ล้าน
นับตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ตลาดอสังหาฯก็เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนได้จากยอดขายของหลาย ๆ ค่ายที่เติบโตถล่มทลาย
นับตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง สะท้อนได้จากยอดขาย (พรีเซล) ของหลาย ๆ ค่ายที่เติบโตถล่มทลาย บางค่ายเตรียมจะอัพยอดขายใหม่กันเลยทีเดียว…
ขณะที่ทิศทางก็ยังฟื้นได้ต่อ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลาย ๆ ค่ายเริ่มขยับขยาย ทั้งการเปิดโครงการใหม่เพื่อรองรับกลุ่ม Real Demand ที่มีความต้องการของที่อยู่อาศัยสูง การหย่านมบริษัทลูก ๆ ให้ออกไปหากินเอง เนื่องจากจะได้มีความคล่องตัวมากขึ้น รวมทั้งปรับพอร์ตธุรกิจของแต่ละค่าย
หนึ่งในนั้นคือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ของ “เฮียชานนท์ เรืองกฤตยา” ที่ล่าสุดเตรียมขายบริษัทลูกทิ้งหนึ่งบริษัท…
ที่มาที่ไปสืบเนื่องจากมติบอร์ดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2565 ไฟเขียวให้ขายบริษัทลูกที่มีชื่อว่า บริษัท เอดีซี-เจวี 28 จำกัด ซึ่งประกอบด้วย หุ้น สินทรัพย์ และหนี้สินทั้งหมด ให้แก่ GREEN ZONE DEVELOPMENT LIMITED มูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,611 ล้านบาท โดยเตรียมจะทำสัญญาในวันที่ 23 ธ.ค. และจะดำเนินการโอนหุ้นและทรัพย์สินต่าง ๆ แล้วเสร็จในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
ถ้าลองไปสืบเสาะข้อมูลบริษัท เอดีซี-เจวี 28 เป็นบริษัทที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2562 ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 บาท เป็นผู้พัฒนาอาคารชุดห้องพัก หรือคอนโดมิเนียม โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ ณ วันที่ 31 ต.ค. 2565 อยู่ที่ 2,105 ล้านบาท
นั่นเท่ากับว่า ANAN จะมีกำไรจากการขายบริษัทลูกครั้งนี้จำนวน 506 ล้านบาท..!!
ส่วนจะบุ๊กไตรมาส 4/2565 เลยมั้ย เป็นช็อตที่ต้องจับตากันต่อไป…
โอเค…แม้กำไร 506 ล้านบาท อาจดูไม่เยอะ แต่เป็นการขายโครงการยกล็อตไปเลย ทำให้ ANAN ไม่ต้องมาขายทีละห้องให้เสียเวลา ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะขายหมดเมื่อไหร่..? ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
แล้วที่สำคัญ ANAN จะมีเงินสดเข้ามาทันที 2,611 ล้านบาท มาเติมสภาพคล่อง ช่วยต่อลมหายใจได้อีกเฮือก..!!
เพราะถ้าไปส่องงบช่วง 2 ปีย้อนหลัง จะเห็นว่าไม่ค่อยสู้ดีนัก…ขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 206 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,886 ล้านบาท ปี 2564 ขาดทุนสุทธิเพิ่มเป็น 457 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,177 ล้านบาท ส่วนงบงวด 9 เดือนแรกปี 2565 มีตัวเลขขาดทุนสุทธิไปแล้ว 340 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,721 ล้านบาท
ขณะที่ สถานะการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 3,408 ล้านบาท แต่มีส่วนของหนี้สินระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี 7,783 ล้านบาท ในจำนวนนี้ แบ่งเป็นหุ้นกู้ 6,190 ล้านบาท และอื่น ๆ อีก 1,392 ล้านบาท
ตรงนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า เหตุใด ANAN ต้องขายสมบัติเก่ากิน…อุ๊ย ขายบริษัทลูกทิ้งไป…
แต่จะว่าไปก็น่าเห็นใจ ANAN อะนะ เพราะที่ผ่านมาจะเน้นพัฒนาอสังหาฯ แนวดิ่งหรือคอนโดฯ สูงหลายสิบชั้น ทำให้ต้องใช้เวลาในการก่อสร้างนาน จึงต้องใช้เวลานานกว่าจะรับรู้รายได้ ขณะที่ลูกค้าจะเน้นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน แต่การมาของโควิดทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไปสิ้นเชิง ก็เลยเป็นที่มาของผลประกอบการที่ย่ำแย่อย่างที่เห็น…
ก็น่าสนใจว่า “เฮียชานนท์” จะปรับเกมธุรกิจอย่างไร..? จะหันมาบุกที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้นมั้ย (เพื่อให้รับรู้รายได้ได้เร็วขึ้น) หรือจะทยอยขายบริษัทลูกออกมาอีกอ๊ะป่าว..? อันนี้ก็ไม่รู้สินะ
ยังไงก็เอาใจช่วยให้สามารถฟันฝ่ามรสุมต่าง ๆ ไปได้ละกัน…
…อิ อิ อิ…