พาราสาวะถี
ทุกสายตาจับจ้องไปยังอีเวนต์ใหญ่ทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ที่จะมีการเปิดตัว ส.ส.ย้ายคอกตัวเลขที่มีการลาออกกันไปนับถึงวันที่ 15 ธ.ค. อยู่ 31 คน
ทุกสายตาจับจ้องไปยังอีเวนต์ใหญ่ทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ที่จะมีการเปิดตัว ส.ส.ย้ายคอกตัวเลขที่มีการลาออกกันไปนับถึงวันที่ 15 ธันวาคมอยู่ที่ 31 คน เป็น ส.ส.เขต 26 คน บัญชีรายชื่อ 5 คน มากสุดคือจากพรรคสืบทอดอำนาจถึง 11 คน เพื่อไทย 7 คน ก้าวไกล 5 คน แต่ไม่ใช่เรื่องตื่นเต้นอะไร เพราะในทางการเมืองคนเหล่านั้นก็แสดงออกให้เห็นอยู่แล้วว่าตัวอยู่ฝ่ายค้านใจฝักใฝ่ไปอยู่กับพรรคของ อนุทิน ชาญวีรกูล ตั้งนานแล้ว
ส.ส.ที่ลาออกต้องทำอย่างไร ในส่วนของระบบเขตไม่ต้องเลือกตั้งใหม่เพราะเงื่อนไขเวลาเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด คือ เหลืออายุอีกแค่ 3 เดือนไม่ต้องเลือกตั้งให้เปลืองงบประมาณ ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ก็ใช้วิธีการเลื่อนผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทน จำนวน ส.ส.ที่เหลือในสภาเวลานี้ ยืนยันจาก ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายรัฐบาลมีจำนวน 250 คน ฝ่ายค้าน 192 คน รวม 442 คน พิจารณาจากจำนวนที่มีอยู่ไม่ส่งผลอะไรต่อการทำงานทั้งฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร
แต่จะส่งผลทันทีหากมีการขยับลาออกอีกชุดหลังจากนี้ โดยเฉพาะหากเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล แม้ว่าเสียงจะมากกว่าฝ่ายค้าน แต่การที่มีเสียงปริ่มน้ำ มันมีโอกาสที่จะทำให้กระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายแต่ละฉบับมีปัญหาได้ทันที การที่จี้ให้ ส.ส.กินกล้วยต้องไขก๊อกแล้วประกาศตัวเข้าร่วมพรรคใหม่ทันที นั่นหมายความว่า อนุทินและภูมิใจไทยมองขาดแล้วว่าร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง คงไม่ผ่านการพิจารณาอย่างแน่นอน โดยจะมีการยุดยื้อ ลากยาวกระบวนการพิจารณาไปจนกว่าสภาจะหมดวาระ
เรื่องนี้สอดคล้องกันกับความเห็นของชวนที่บอก คิดว่าจะพิจารณาไปอีกหลายสัปดาห์ เหมือนกับที่เห็นเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่มีการพิจารณาทั้งวันแต่ก็คือไปได้แค่ 3 มาตรา ขณะที่ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยมองว่า กฎหมายฉบับนี้ไอ้ที่ว่าจะผ่านสภาหรือรู้เรื่องกันในสมัยรัฐบาลปัจจุบันยาก เหตุที่ยังไม่รู้เรื่องเพราะพรรคร่วมรัฐบาลเองนั่นแหละยังคุยกันไม่รู้เรื่องว่าเอายังไง ดังนั้น สิ่งที่น่าจะเป็นของกฎหมายฉบับนี้ก็คือ “ลอยไปลอยมา” อยู่จนรัฐบาลครบวาระหรือยุบสภา
เมื่อไม่สามารถใช้เสียงในนามพรรคร่วมรัฐบาลได้ในสมัยนี้ จึงเป็นไปตามที่อนุทินป่าวประกาศจะกลับมาเดินหน้าต่อในสมัยหน้า เมื่อพิจารณาจากการระดมพลังดูด ส.ส.และการประเมินตัวเลขที่เวลานี้พุ่งไปสูงถึง 150 ที่นั่งแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ ไม่ว่าจะในฐานะแกนนำรัฐบาลใหม่ หรือจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่สำคัญได้รับการจัดสรรกระทรวงตามที่ต้องการ ส่วนสถานการณ์ของสภาจากนี้ไปจะระส่ำระสายจนนำไปสู่การยุบสภาหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาสนใจใส่ใจอีกต่อไป
ความเป็นไปของการทำงานในสภาจากนี้ ก็จะได้เห็นภาพสภาล่มซ้ำซากหนักข้อกว่าที่ผ่านมา น่าจะเป็นภาวะที่รัฐบาลคุมเสียงข้างมากในสภาไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นสถานีต่อไปย่อมหนีไม่พ้นนำไปสู่การยุบสภา อย่าลืมว่าไม่ใช่เพียงกฎหมายที่รอการพิจารณา เพื่อเป็นการทิ้งทวนก่อนหมดสมัย ฝ่ายค้านยังจองกฐินเตรียมเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติอย่างช้าก็ไม่เกินต้นปีหน้า นาทีนั้นอาจจะเกิดการสาวไส้ให้กากิน ไม่รู้ไผเป็นไผ ถึงเวลาที่พวกเดียวกันจะเอาคืน ซึ่งหมายถึงความสั่นคลอนของรัฐบาลโดยตรง
ปัญหาการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลสืบทอดอำนาจเห็นกันมาตลอดสมัย เนื่องมาจากคนเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็น ส.ส.และไม่เคยคิดที่จะพาตัวเองมาเกลือกกลั้วกับนักเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่ตัวเองป่าวประกาศว่าเป็นพวกชั่วพวกเลว เห็นได้จากสิ่งที่ชวนกรีดล่าสุด สมัยก่อนหัวหน้ารัฐบาลจะเป็น ส.ส. และพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลหัวหน้าพรรคก็จะเป็น ส.ส. แต่สมัยนี้ไม่มี จะหันหน้าไปถามใครก็ไม่ได้ เพราะหัวหน้าพรรคใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาฯ
ชัดเจนว่าสิ่งที่ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งกรีดมานั้น หมายถึงผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. แต่น่าจะเป็นการชี้นิ้วไปที่ตัวผู้นำรัฐบาลเป็นด้านหลัก เนื่องจากการคุมเกมโดยเฉพาะเรื่ององค์ประชุมนั้น ชวนที่ได้ประสานกับวิษณุ เครืองาม ได้เน้นย้ำฝากให้ไปบอกท่านผู้นำเพื่อสั่งการไปยังพรรคร่วมรัฐบาลให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็เป็นเรื่องยากในเมื่อตัวผู้นำทำตัวอยู่บนหอคอยงาช้าง วางตัวคนละชั้นกับนักเลือกตั้ง มันจึงยากที่จะเกิดความร่วมมือร่วมใจด้วยความเต็มใจ
เห็นปรากฏการณ์ ส.ส.ไขก๊อกไปร่วมงานกับภูมิใจไทยแล้ว มันยิ่งทำให้ต้องสแกนลึกลงไปยังจำนวน ส.ส.ที่จะติดสอยห้อยตามผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติจะเหลือกี่ราย นี่จึงกลายเป็นปมที่ทำให้คนจับตามองว่าถ้าเช่นนั้นความชัดเจนทางการเมืองของท่านผู้นำที่คนรอฟังกันอยู่จะประกาศกันได้เร็ว ๆ นี้หรือหลังจากที่กลับมาจากเบลเยียมได้จริงหรือ ถ้าทุกอย่างไม่มาตามนัดโอกาสจะกลับมาเป็นนายกฯ อีก 2 ปีตามที่ตั้งความหวังไว้ก็ “ริบหรี่เต็มทน”
ถ้าได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คนก็จบเห่ การหวังว่าจะได้ร่วมรัฐบาลภายใต้สูตรพรรคสืบทอดอำนาจ ภูมิใจไทย และพรรคการเมืองอื่น ๆ เมื่อพรรคของอนุทินได้ ส.ส.มากจนเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ถามว่าจะเปิดทางให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเป็นนายกฯ อีก 2 ปีตามสูตรคนละครึ่งอย่างนั้นหรือ เจ้าตัวก็ประกาศชัดแล้วว่าพร้อมจะเป็นนายกฯ ดังนั้น เรื่องที่มีคนเคยพูดถึง “ผมพอแล้ว” ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น แม้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้กลับมาเป็นผู้นำอีกกระทอกก็ตาม
ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งภายใต้กติกาบัตร 2 ใบกับแผนสกัดแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยโดยภูมิใจไทยภายใต้การวางแผนเดินเกมของ เนวิน ชิดชอบ เมื่อมองจากจำนวน ส.ส.ที่ไหลเข้าแล้ว ก็น่าเชื่อได้ว่ามีโอกาสที่จะเป็นไปได้ แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งของการเลือกตั้งจะมี ส.ส.จำนวนหนึ่งสอบตก ซึ่งพวกที่รู้สถานการณ์ดีและเชื่อว่าจะถูกพรรคต้นสังกัดตัดหางไม่ส่งลงสมัคร การเลือกย้ายพรรครับกระสุนตุนเต็มกระเป๋าไว้ก่อนจึงเป็นการดีที่สุด
คำนวณจากเงินเดือน ส.ส.ถ้ายังลากยาวออกไปกับผลประโยชน์ที่ได้รับในการย้ายคอก มันต่างกันลิบลับเราจึงได้เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น อีกทางก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อการเล่นเกมสกัดกฎหมายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย เสี่ยหนูจึงต้องเบ่งกล้ามโชว์ ทำเอาสะเทือนกันไปทั้งบาง แทนที่จะเป็นเพื่อไทยหวั่นไหว แรงกระเพื่อมกลับไปตกอยู่กับพรรคสืบทอดอำนาจ และหนักสุดคือผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ