หุ้นที่น่ามี

ช่วงที่ผ่านมามีคนถาม “โมนิก้า” ถึงรูปแบบของ “หุ้นที่น่ามี” ควรเป็นอย่างไร? เดี๊ยนจึงตอบกลับไปว่า สไตล์ของนักเล่นเป็นอย่างไร?


ช่วงที่ผ่านมามีคนถาม “โมนิก้า” ถึงรูปแบบของ “หุ้นที่น่ามี” ควรเป็นอย่างไร? เดี๊ยนจึงตอบกลับไปว่า สไตล์ของนักเล่นเป็นอย่างไร? เพราะสไตล์การขึ้นลงของหุ้นแต่ละสไตล์ไม่เหมือนกัน จึงทำให้ผลตอบแทนของหุ้นแต่ละสไตล์ไม่เหมือนกัน เดี๊ยนถึงพยายามให้แฟนคลับวาดกรอบของตัวเองให้ชัดเจน เพื่อทำให้การสนทนาในเที่ยวนี้มีรสชาติดุเดือดเผ็ดมันมากขึ้นกว่าเดิมไงล่ะคะ

โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นกำลังถูกถล่มจากเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้น และปัญหาเงินเฟ้อยังตามหลอกหลอนไม่เลิก ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้พวก “กองทุน” และ “ต่างชาติ” ตกอยู่ในอาการหวาดผวาจนไม่เป็นอันเคาะขวา เลยหันไปใช้แนวทางเคาะซ้ายเพื่อทำให้ความเสี่ยงอยู่ในวงจำกัด และทำให้ดัชนีต้องวนเวียนอยู่ในกรอบ 1,600-1,650 จุดอีกพักใหญ่ ซึ่งเป็นห้วงเวลาของการเก็บหุ้นที่น่ามีเข้าพอร์ตเจ้าค่ะ

วันนี้จึงไม่ต้องวอรี่กับการทรุดตัวของดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,619.01 จุด ลบไป 1.27 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย6.63 หมื่นล้านบาท เพราะถ้ามองในมุมบวกจะเห็นโอกาสของการเก็บหุ้นราคาถูกเข้าพอร์ต ซึ่งเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ชอบเม้าท์ถึงเป็นประจำเมื่อทุกอย่างยังดูอึมครึม แต่ตัวเลขผลประกอบการยังไปได้สวย มันคือโอกาสของชาวสวนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท้ายที่สุดหุ้นก็จะวิ่งขึ้นมารับกับพื้นฐานอยู่ดีนะจ๊ะ

สถานการณ์ตรงนี้ดูได้จากการขยับตัวของหุ้น AURA จนขึ้นมาปิดที่ระดับ 17 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.13 พันล้านบาท ล้วนมาจากสตอรี่ “ตึ๊งทอง” เป็นประเด็นหลัก และถ้าดูถึงเนื้อในของธุรกิจก็จะมีแต่คำว่า “วิน” ลอยมาแต่ไกล เพราะมูลค่าของทองคำมีแต่ขึ้น จึงกลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างแวลูให้กับบริษัทเต็ม ๆ ยิ่งช่วงนี้เป็นเทศกาลใช้เงินด้วยแล้ว..ร้านทองรวยเละพะย่ะค่ะ

ส่วนรายที่เริ่มฟอร์มตัวขึ้นมาใหม่ และราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน “โมนิก้า” คงหันไปมองหุ้นขายหมูขายไก่อย่าง CPF เป็นรายถัดมา เพราะในมุมของอัพไซด์ที่มีค่อนข้างเยอะ และธุรกิจกลับมาอยู่ในโมเมนตัมเติบโต เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 24.40 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.30 พันล้านบาท น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่เน้นลงทุนระยะยาว ส่วนคนที่ชอบเล่นสั้น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามจ้า!

เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นทาสหมาแมวอย่าง ITC ขึ้นมาทันที เพราะการขยับขึ้นมาปิดที่ 31 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท มันมีสตอรี่ที่ผู้คนหลายยังไม่รู้ และเรื่องราวเหล่านี้จะถูกเปิดเผยในปีหน้า โดยเฉพาะกลยุทธ์ในการเปิดตลาดสินค้าในฝั่งอเมริกา กับฝั่งยุโรป ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้กำไรโตไม่ต่ำกว่าปีละ 20% เป็นเวลาสองปีติด..งานนี้จริงเท็จประการใดก็ดูกันไปนะนายจ๋า

เช่นเดียวกับการพลิกโฉมครั้งสำคัญของน้องกิ๊ฟ GIFT กลายเป็นหนังเรื่องยาวที่นักเล่นต้องตามดูให้ดี เพราะการกระโดดลงมาบรรเลงด้วยตัวเองของ “เฮียฮ้อ” น่าจะมีอะไรเข้ามาต่อยอดให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นโกรทสต๊อก “โมนิก้า” ถึงมองเกมหุ้นที่ดันราคาแบบสุดซอย จนราคาหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 7.80 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 174 ล้านบาท น่าจะเป็นแค่น้ำจิ้มนะจะบอกให้

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกที่จะเม้าท์ถึงหุ้นเดินเรือ RCL มากกว่ารายอื่น ๆ เพราะเมื่อดูจากการติดอันดับแรงกิ้ง Net Profit Margin ก็ทำให้เห็นว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 30 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้เล่นได้อีกนานเลยทีเดียว โดยเฉพาะในมุมของ BV ที่อยู่ในระดับ 59 บาท มันเป็นช็อตที่บอกได้แค่ว่า “มีเท่าไหร่ ใส่ให้หมด” สำหรับคนที่ใจกล้าพอนะคะ

เรื่องราวข้างต้นทำให้เดี๊ยนนึกถึงหุ้นเทคอย่าง BBIK ขึ้นมาทันที เพราะแนวทางการเติบโตที่ใช้วิธีเทกโอเวอร์เข้ามาเสริม มันทำให้การเติบโตในปีหน้าโดดเด่นขึ้นมาทันที “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นบวกต่อเนื่อง 3 วันติด ก่อนจะจบลงด้วยการยืนปิดที่ระดับ 138.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116 ล้านบาท คือการส่งสัญญาณยกฐานครั้งใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม..เชื่อหัวน้องโมเถอะ!

Back to top button