พาราสาวะถี
ถึงกับบอกให้นักเรียนช่วยโหลดแอปพลิเคชันสปาใจ เพื่อใช้ควบคุมอารมณ์หงุดหงิด สกัดพลังลบออกมาทำลายตัวเองกันเลยทีเดียวสำหรับผู้นำเผด็จการ
ถึงกับบอกให้นักเรียนช่วยโหลดแอปพลิเคชันสปาใจ เพื่อใช้ควบคุมอารมณ์หงุดหงิด สกัดพลังลบออกมาทำลายตัวเองกันเลยทีเดียวสำหรับผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ในวันที่เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น ที่หอประชุมโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเชียงราย ไม่ใช่การแสดงตัวเป็นพวกเดียวกันกับวัยรุ่น รู้จักแอปฯ ของคนรุ่นใหม่ แต่น่าจะเป็นเพราะคนที่ป่วยเป็นโรคเครียดอยากมีเครื่องมือช่วยผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ต้องยอมรับว่าภายใต้สถานการณ์ที่บรรดานักเลือกตั้งและพรรคการเมือง ต่างจดจ้องไปที่การเลือกตั้งซึ่งยังไงก็จะต้องเกิดขึ้นภายในปีหน้านี้อย่างแน่นอน โดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่สามารถประกาศความชัดเจนต่ออนาคตทางการเมืองของตัวเองได้ ย่อมทำให้เกิดภาวะเครียดเป็นธรรมดา การกำชับในที่ประชุม ครม.ขอให้ทุกคนทุ่มเททำงานและใช้งบประมาณให้คุ้มค่าครอบคลุมระยะเวลาที่เหลืออีก 3 เดือนนั้น เหมือนเป็นสัญญาณชี้ว่าจะอยู่ไปจนครบวาระ
ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะพึ่งแต่งตั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ตัวเองจะไปถือธงนำสู้ศึกเลือกตั้ง เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หากรีบชิงยุบสภาในจังหวะที่ตัวเองอยู่ในฐานะไม่ได้เปรียบทางการเมืองย่อมไม่เกิดขึ้น การทอดระยะเวลาออกไป มุมหนึ่งก็ให้พีระพันธุ์ได้ใช้หัวโขนความเป็นเลขาธิการนายกฯ ให้เกิดมรรคผลทางการเมือง สร้างความเชื่อมั่นต่อคนที่จะมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
อีกด้านก็จะเป็นจังหวะวัดเรตติ้ง เช็กผลงานหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ทำให้ความนิยมที่ดำดิ่งอยู่เวลานี้กระเตื้องขึ้นมา ถ้าเป็นจริงตามฝันก็จะได้ชิงจังหวะยุบสภา จนถึงเวลานี้เข้าใจได้ว่าบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายไม่ได้สนใจแล้วว่าจะยุบสภาหรืออยู่ครบวาระ เนื่องจากแต่ละพรรคได้เตรียมความพร้อมในตัวผู้สมัครกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว จะมีก็แต่พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเอง จากที่เกิดการเงื้อง่าราคาแพง ทำให้พวกที่เคยตกปากรับคำกันไว้ก่อนหน้ารอความชัดเจนไม่ไหวเปลี่ยนใจไปค่ายอื่นเสียก่อน
ความคาดหวัง ความเชื่อมั่นจากกลไกที่องคาพยพที่ได้ตั้งกันขึ้นมาขับเคลื่อนขบวนการสืบทอดอำนาจ มันทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมั่นใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหนยังไงก็ต้องได้กลับมาเป็นนายกฯ อีก 2 ปีตามที่ขีดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 แต่กลายเป็นว่าโลกแห่งความเป็นจริงของนักการเมืองและพรรคการเมืองเขี้ยวลากดิน มันไม่มีใครที่จะยอมให้มีการลากยาวขนาดนั้นได้ ยิ่งกติกาเลือกตั้งเปลี่ยนไป หัวหน้าพรรคทุกคน คนของทุกพรรคย่อมหวังที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ภาวะที่ทำให้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็คือ การตัดหางปล่อยวัดของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. ที่ไม่แยแสเลิกเป็นนั่งร้านแบกเสลี่ยงให้น้องเล็กนั่งอีกต่อไป แต่ก็ยังฮึกเหิมอยู่ได้ด้วยเชื่อมั่นว่าการมีพรรคเป็นของตัวเองโดยใช้คนที่ไว้วางใจเป็นหัวหน้าพรรค ยังไงเสียก็จะได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงหนึ่งเดียว มีศักดิ์ศรี ด้วยกลไกที่วางไว้ ส.ว.ลากตั้งยังไงก็ต้องเลือกตัวเองกลับมาเป็นนายกฯ แต่ลืมไปว่าพรรคที่จะไปจับมือด้วยนั้นยังเหมือนเดิมหรือไม่
เงื่อนไขนายกฯ คนละครึ่ง จากที่เดิมทีถูกมองว่าเป็นเรื่องของพี่ใหญ่กับน้องเล็กแก๊ง 3 ป.คุยกันไว้ กลับไม่ใช่เป็นข้อเสนอระหว่างผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจกับ อนุทิน ชาญวีรกูล แลกเปลี่ยนกับการการันตีเป็นพันธมิตรตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งครั้งหน้า โดยมีแต้มต่อในการยื่นเงื่อนไขกับตัวเลข ส.ว. 250 เสียง แต่สุดท้ายหลังจากที่โชว์พลังดูด ถึงขนาดที่ ส.ส.ยอมสละเก้าอี้เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย จึงทำให้ข้อเสนอดังกล่าวถูกปัดตกไป
เพราะเสี่ยหนูมั่นใจอย่างยิ่งว่ายังไงเสียหลังหย่อนบัตร พรรคของตนต้องมีเสียง ส.ส.ในมือไม่น้อยกว่า 120-150 เสียง มากขนาดนั้นในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค แล้วได้เป็นแกนหลักในการประสานตั้งรัฐบาลจะมายกเก้าอี้ผู้นำประเทศให้คนอื่นได้อย่างไร ประกอบกับจนถึงเวลานี้ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากพรรคสังกัดใหม่ว่าจะมีพลังมากพอที่จะทำให้ได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 25 คนเพื่อมีสิทธิ์เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคต่อที่ประชุมรัฐสภาหรือไม่
จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เอง ที่ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจทั้งที่ประกาศว่าจะขอทำงานการเมืองต่ออีก 2 ปี แม้จะไม่บอกว่าด้วยการเป็นนายกฯ เท่านั้น แต่การหลุดปากบอกว่า “ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ สมัยหน้าก็เสียใจที่ไม่สามารถรับใช้ประชาชนได้” ก็เท่ากับเป็นการชี้เป้าหมายที่ชัดเจนว่าการอยู่ยาวนั้นต้องมีเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกคนที่เป็นใหญ่มาจากการยึดอำนาจแม้จะพยายามล้างคราบไคลเผด็จการกันอย่างไร การใช้อำนาจต้องซิงเกิลคอมมานด์เท่านั้น
นั่นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ไม่อาจทำงานทางการเมืองร่วมกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ได้อีกต่อไป แค่แคนดิเดตนายกฯ ที่ต้องมากกว่า 1 ก็รับไม่ได้แล้ว ยังไม่นับการที่บรรดานักเลือกตั้งเขี้ยวลากดินทั้งหลายจะต้องมาแยกเขี้ยวขู่ ประสาคนชอบทุบโต๊ะจึงไม่ยอมให้ใครมาชี้หน้า เรียกร้องโน่นนี่นั่น แต่จนถึงเวลานี้ถามว่าแล้วการเลือกเดินบนเส้นทางการเมืองที่จะทำพรรคเอง เป็นพรรคของพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งมันตอบโจทย์ที่ตัวเองต้องการจะให้เป็น และมีโอกาสประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้งหรือไม่
หลังปีใหม่ไปแล้ว มีข่าวแว่วมาว่าถ้าพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังไม่สามารถเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครที่เป็น ส.ส.ในปัจจุบันได้แม้แต่คนเดียว หรือเปิดแล้วมีแนวโน้มว่าน่าจะเป็น ส.ส.สอบตก หรือพวกที่รอวันเขี่ยทิ้งจากพรรคเก่า ความหวังของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็จะริบหรี่ลงเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำ ยังพบว่าเมื่อมีการสั่งให้เหล่ากุนซือไปตรวจสอบเสียงของ ส.ว.ว่ายังเหนียวแน่นเหมือนเมื่อคราวยกมือโหวตหลังเลือกตั้งปี 2562 หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบที่ชีช้ำกลับมา ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เพราะพี่ใหญ่ได้เลี้ยงดูปูเสื่อคนเหล่านั้นมาตลอดแบ่งสายดูแลกันชัดเจน ไหนว่าแยกกันตีนี่มันกำลังจะเข้าตำราตลบหลังกันชัด ๆ