สิ้นยุคเสือลำบาก AAV เดินหน้าเต็มสูบ
มีลุ้นว่า AAV สายการบินราคาประหยัด จะกลับมาสดใส หลังสายการบินไทยแอร์เอเชีย คาดหวังว่าปี 66 จะกลับมาทำกำไร จากจำนวนการฟื้นตัวของผู้โดยสาร
เส้นทางนักลงทุน
มีลุ้นว่าบมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ซึ่งถือหุ้นในบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด สายการบินราคาประหยัด จะกลับมาสดใส หลังสายการบินไทยแอร์เอเชีย คาดหวังว่าปี 2566 จะกลับมาทำกำไร จากรายได้ที่เติบโตสอดคล้องกับจำนวนการฟื้นตัวของผู้โดยสาร
ผู้บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย ประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวปี 2566 จะกลับมาคึกคัก ใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยอยู่ที่ 18 ล้านคน หรือดีที่สุดอาจสูงถึง 30 ล้านคน
โดยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเเละการบินจะฟื้นตัวเต็มที่ และมีความพร้อมให้บริการได้ใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์โควิด-19 จากตลาดภายในประเทศที่เเข็งเเกร่ง และตลาดระหว่างประเทศที่กลับมาสดใส
ไทยแอร์เอเชียมีความพร้อมสามารถชิงความได้เปรียบด้วยจำนวนพนักงานและฝูงบินที่ใหญ่ที่สุด 53 ลำ แม้ประเทศจีนยังไม่เปิดน่านฟ้า แต่มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่องว่าน่าจะเริ่มพิจารณาผ่อนคลายมาตรการการท่องเที่ยวได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2566
ขณะที่ ในปี 2565 นั้นไทยแอร์เอเชียมั่นใจว่าจะขนส่งผู้โดยสารตลอดทั้งปีได้แตะ 10 ล้านคนตามเป้าหมาย เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ยอดผู้โดยสารพุ่งขึ้นทั้งเส้นทางภายในประเทศเเละระหว่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ขนส่งผู้โดยสารเพียง 2.93 ล้านคน
เฉพาะเดือนธันวาคม 2565 ไทยแอร์เอเชียมีเที่ยวบินในประเทศประมาณ 700 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เที่ยวบินระหว่างประเทศ 300 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมกว่า 1,000 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คิดเป็นการฟื้นตัว 78%
โดยทั้งไตรมาส 4 ปีนี้ มีปริมาณเที่ยวบินในประเทศฟื้นตัวแล้ว 80-90% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด-19 ส่วนปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศฟื้นเกิน 50% แล้ว
ตลอดปี 2565 นี้ คาดว่าจะมีอัตราการขนส่งผู้โดยสาร (โหลดแฟคเตอร์) เฉลี่ย 81% จากปริมาณที่นั่งโดยสารทั้งหมด 12.3 ล้านที่นั่ง และมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Utilization) เฉลี่ย 9.4 ชั่วโมง ทั้งนี้ไทยแอร์เอเชียมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเครื่องบิน (Aircraft Utilisation) สูงสุดเท่ากับ 12 ชั่วโมงในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
รวมทั้งยังคาดอัตราขนส่งผู้โดยสารตลอดปีนี้ในระดับสูงที่ 81% ความตรงต่อเวลา 90% โดยยังเป็นผู้นำสายการบินพร้อมครองส่วนเเบ่งการตลาดภายในประเทศสูงสุด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย “สันติสุข คล่องใช้ยา” มองว่าตลาดประเทศจีนคือตัวเเปรสำคัญในการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 1 ปี 2566 รัฐบาลจีนน่าจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้าออกประเทศ
รวมถึงพิจารณานโยบายจำกัดโควตาเที่ยวบินเข้าประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของการท่องเที่ยวไทย รวมทั้งไทยแอร์เอเชียที่มีฝูงบินใหญ่ที่สุด รวม 53 ลำ ซึ่งเพียงพอพร้อมขยายเส้นทางบินเข้าสู่ประเทศจีนได้ทันที
นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชียได้ปรับแผนกลยุทธ์ในการสร้างเสถียรภาพธุรกิจ โดยไม่พึ่งพาตลาดหนึ่งตลาดใด โดยปี 2565 ที่ผ่านมา ได้รุกหนักตลาดอินเดีย เอเชียใต้ และอาเซียน รวมถึงตลาดประเทศญี่ปุ่น บินตรงดอนเมือง-ฟุกุโอกะ
ตลอดปี 2565 ไทยแอร์เอเชียฟื้นตัวได้รวดเร็ว ด้วยตลาดเส้นทางภายในประเทศที่เเข็งเเกร่ง จากเเคมเปญเราเที่ยวด้วยกัน โครงการลดทั่วฟ้าบินทั่วไทย รวมทั้งแคมเปญต่าง ๆ ในตลาดต่างประเทศ
ส่วนปี 2566 มีเเผนเพิ่มเส้นทางบินใหม่ ๆ ในตลาดที่มีศักยภาพต่อเนื่อง เช่น ประเทศเนปาล ปากีสถาน หรือเมืองอื่น ๆ ในประเทศอินเดีย คาดว่าจะสามารถกลับมาให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศ ด้วยปริมาณที่นั่งไม่น้อยกว่า 90% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด
และคาดว่าเส้นทางบินในประเทศของไทยแอร์เอเชียจะฟื้นตัวกลับมา 100% ในครึ่งแรกปี 2566 ส่วนเส้นทางบินระหว่างประเทศกลับมา 100% ในครึ่งหลังปี 2566 ตั้งเป้าโหลดแฟคเตอร์เฉลี่ยที่ 87-88% ก่อนกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปี 2567
ตลอดปี 2566 จะมีสัดส่วนรายได้จากเส้นทางในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศที่ 40% ต่อ 60% จากสัดส่วนจำนวนผู้โดยสาร เส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศที่ 60% ต่อ 40% จากปีนี้ที่มีสัดส่วนจำนวนผู้โดยสาร 70% ต่อ 30%
นอกจากนี้ ยังไม่กังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และภาวะเงินฝืด มองว่าการเดินทางท่องเที่ยวยังเป็นเรื่องจำเป็น แต่คนเลือกสายการบินราคาประหยัดและเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ราคาตั๋วเครื่องบินเฉลี่ยทั้งเส้นทางในประเทศและระหว่างประเทศน่าจะเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันเครื่องบินยังสูงในระดับ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากก่อนหน้านี้ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
หากเป็นตามคาดการณ์ก็เรียกได้ว่า AAV ได้ผ่านสถานการณ์ยากลำบากไปแล้ว และพร้อมจะเดินหน้าเต็มสูบเพื่อพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมามีกำไรอีกครั้ง หลังจากขาดทุนต่อเนื่องรวมปีนี้ก็ 4 ปีแล้ว