ปี 2566 BGRIM สวย เซ็กซี่!
ในรอบปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจของบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) อย่างแท้จริง จนหุ้น BGRIM กลายเป็นขวัญใจบรรดานักวิเคราะห์
เส้นทางนักลงทุน
ในรอบปี 2565 ถือเป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจของบมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) อย่างแท้จริง จนหุ้น BGRIM กลายเป็นขวัญใจบรรดานักวิเคราะห์ที่เชียร์ให้ “ซื้อ” เก็บเข้าพอร์ตแบบถือข้ามปีได้ และต่างพากันอัพราคา ขยับเป้าหมายขึ้นถ้วนหน้า
BGRIM เปิดศักราชต้นปีเสือ ด้วยการส่งบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เซอร์วิส จำกัด (BGPS) เข้าจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด (SCG Cleanergy) เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป (Solar rooftop) ให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง โดยถือหุ้นในสัดส่วน 49%
ตามด้วยการให้ B.Grimm Power Korea Limited เข้าลงทุนใน Lohas ECE Spain Gifu Co., Ltd. ผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กําลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์ (MW) ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสัดส่วน 49% ของหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมด ภายใต้เงินลงทุนประมาณ 1,400,000,000 เยนญี่ปุ่น หรือเทียบเท่า 358.23 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุน
ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ B.Grimm Power Korea Limited ได้เข้าพัฒนาและทำข้อตกลงเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในสาธารณรัฐเกาหลี 4 โครงการ ประกอบด้วยการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Goni Jodo Co., Ltd. เพื่อเข้าถือหุ้น 70% ใน Jodo Wind Power Generation Co., Ltd. มูลค่าเงินลงทุนรวม 700,000,000 วอนเกาหลีใต้ เท่ากับ 536,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 517 MW
นอกจากนี้ ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบุคคลธรรมดา เพื่อเข้าถือหุ้น 15% ใน Shinan-Eoui Wind Power Co., Ltd. มูลค่าเงินลงทุน 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 99 MW จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในไตรมาส 3 ปี 2568
รวมทั้งเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับผู้ขายซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบุคคลธรรมดา 15% ใน Cheonsa-Eoui Wind Power Co., Ltd. มูลค่า 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 99 MW จะ SCOD ในไตรมาส 3 ปี 2568
และเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Goni Gunghung Co., Ltd. ถือหุ้น 70% ใน Gunghung Offshore Wind Power Co., Ltd. มูลค่า 536,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง กำลังการผลิตติดตั้ง 240 MW SCOD ในไตรมาส 1 ปี 2569
ขณะที่ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จำกัด (ABP1R) ได้เปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าใหม่ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 140 MW เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม โดยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 29
พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
การลงทุน 5 โครงการในเกาหลี รวม 1,030.6 เมกะวัตต์ แน่นอนว่าจะยังไม่ออกดอกออกผลเร็ววันนี้ ต้องรอไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า แต่จะเป็นผลบวกต่อ BGRIM ในระยะยาว เพราะจะมีกำไรรับเข้ามาราว ๆ 1 พันล้านบาท/ปี (ตามสัดส่วน) และเป็นโอกาสในการขยายการลงทุนในเกาหลีเพิ่มเติม นอกเหนือจากโครงการ KOPOS ที่มีกำลังผลิต 75.6 MW หากมีความสำเร็จในการพัฒนาโครงการดังกล่าวในอนาคต จะช่วยต่อยอดกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 559.6 MW ไปสู่ 3.3 พัน MW ภายในปี 2573 หรือคิดเป็น 20% ของกำลังการผลิตที่มีตามสัญญา PPA ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย และเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าและพันธมิตรในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
ขณะที่ ในระยะสั้น BGRIM มีข่าวดีรองรับจากคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) กําหนดค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) อัตราใหม่ (มกราคม-เมษายน 2566) ที่ 1.9044 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) หรือเพิ่มขึ้น 0.97 บาท ทําให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.69 บาท/kWh จาก 4.72 บาท/kWh สําหรับผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม (IU) ไม่รวมผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย
โดยค่า Ft ที่ปรับใหม่สะท้อนราคา pool gas ที่สูงขึ้นจากการนําเข้า LNG จํานวนมาก และปริมาณก๊าซจากเมียนมาและแหล่งก๊าซเอราวัณที่ตํ่ากว่าเป้า
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าจะมีการขึ้นค่า Ft อีก 2 รอบในปี 2566 (พฤษภาคม-สิงหาคม และ กันยายน-ธันวาคม) มองว่าผู้เล่น SPP คือขายไฟฟ้าให้ IU และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy : RE) ที่มีโครงการ adder จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ปรับเพิ่มกําไรเพื่อสะท้อนสมมติฐานค่า Ft ใหม่
จึงปรับเพิ่มกําไรหลักในปี 2566-2567 ขึ้นอีก 13-35% เพื่อสะท้อนถึงการขึ้นค่า Ft คาดว่าราคาก๊าซเฉลี่ยในปี 2566 จะลดลงมาอยู่ที่ 470 บาท/ล้านบีทียู (mmbtu) จาก 500 บาท/mmbtu ในปี 2565 ก่อนที่จะลดลงไปอยู่ที่ 320 บาท/mmbtu ในปี 2567F ในขณะเดียวกันคาดว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นค่า Ft อีกในปี 2566 ก่อนที่จะทรงตัวในปี 2567
ดังนั้น จึงคาดว่ากําไรหลักของ BGRIM จะโตถึง 600% ในปี 2566 จากผลของฐานที่ตํ่า และเติบโต 60% ในปี 2567 เนื่องจากราคาก๊าซของ SPP ลดลง มีการขึ้นค่า Ft มีกําลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา และประสิทธิภาพ SPP replacement 5 โครงการดีขึ้น คาดว่าจะซื้อกิจการเพิ่มได้ในปี 2566
BGRIM มีแนวโน้มจะใช้กลยุทธ์เชิงรุกในปี 2566 โดยในปัจจุบันกําลังอยู่ระหว่างการเจรจา หรือรอการประกาศรับซื้อไฟฟ้าตาม PDP8 (LNG-to-power) ของเวียดนาม คาดว่ากําลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนทั้งในโครงการแบบ greenfield และโครงการที่เปิดดําเนินการแล้ว ในตลาดอาเซียน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการ RE และก๊าซ
บล.เคจีไอ คาดว่ากําไรในไตรมาส 4 ปี 2565 จะดีดตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนก๊าซของ SPP ลดลง 16-18% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.9343 บาท/kWh คาดว่าผลประกอบการอาจจะพลิกเป็นกําไรสุทธิ หรือขาดทุนสุทธิลดลงก็ได้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน
แนะนํา “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ใหม่ 42.50 บาท จากเดิม 40 บาท มองว่าผลการดําเนินงานที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4 ปี 2565 และฟื้นตัวก้าวกระโดดในปี 2566 ทําให้โมเมนตัมของราคาหุ้นเร่งตัวขึ้นได้ต่อในปีหน้า
ส่วนโบรกเกอร์รายอื่น ๆ เช่น บล.กสิกรไทย อัพราคาเป้าหมายเป็น 63.50 บาท จากเดิม 61.25 บาท, บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ราคาเหมาะสมที่ 50 บาท และบล.บัวหลวง ให้ 44 บาท
ถึงปีที่ผ่านมา BGRIM จะยังคงขาดทุน แต่ปีนี้ BGRIM จะสวย และเซ็กซี่ขึ้นแน่นอน!