ลุยหุ้นโต
ในที่สุดดัชนีก็วิ่งกลับมาอยู่แถวไฮเดิมที่ 1,680 จุดอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวขึ้น
*ในที่สุดดัชนีก็วิ่งกลับมาอยู่แถวไฮเดิมที่บริเวณ 1,680 จุดอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวขึ้น แถมเมื่อดูจากอาการของหุ้นที่พร้อมใจขึ้นรับนักท่องเที่ยวจีนไหลเข้าไทย ย่อมสะท้อนถึงพลานุภาพของเม็ดเงินมหาศาลกำลังเคลื่อนตัวครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจของไทย และทำให้ดัชนีขึ้นอย่างมั่นคงกว่าครั้งก่อน ๆ นะจะบอกให้
*ประเด็นนี้ทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจเป็นอย่างยิ่งที่จะพูดว่า การอ่อนตัวของดัชนีจากอิทธิพลดัชนีดาวโจนส์เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น ๆ เพราะเมื่อดูจากความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น และหลายบริษัทเริ่มเข้าสู่การฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบ มันกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นต้องล้อไปตามกระแส และคาดหวังการขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,700 จุดในไม่ช้าไงล่ะจ๊ะ
*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,673.86 จุด บวกไป 10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.38 หมื่นล้านบาทในท้ายสัปดาห์ก่อน ย่อมเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกให้ทุกคนได้รู้ว่า เที่ยวนี้เอาจริง! เพราะถ้ายึดตามสัญญาณเทคนิคเกี่ยวกับภูเขา 3 ลูกจะเห็นเต็มสองลูกตาว่า นี่เป็นภูเขาใหญ่ลูกที่ 2 ที่กำลังอยู่ในช่วงของการสู้กับแรงขาย และอาจมีการย่อตัวลงแรงอีกรอบ แต่หลังจากนั้นจะก่อตัวเป็นภูเขาลูกที่ 3 พร้อมกับพุ่งกระฉูดขึ้นไปทำยอดใหม่ที่สูงกว่าเดิมร้อยจุดพะย่ะค่ะ
*งานนี้จริงประการใด..ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะเดี๊ยนมีหน้าที่แค่บอกเล่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามทฤษฎีที่ร่ำเรียนมา จึงอยากให้แฟนคลับลองประเมินกันว่า การขึ้นของหุ้นตราใบโพธิ์ SCB ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 113 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 2.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.61 พันล้านบาท มันมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่กระเตื้องขึ้นใช่ไหม?..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่า การขึ้นไปยืนเท่ากับ BV 135 บาท น่าจะไม่ยากเหมือนก่อนหน้านี้ใช่ไหม?..คิดซิ..คิดซิ!
*คล้ายกับสถานการณ์ของ CBG เด้งขึ้นอย่างร้อนแรงด้วยกระแสข่าวจีนเปิดประเทศ ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อถึงเวลาจริง ๆ จะทำผลงานได้ดีขนาดไหน? ผสานกับที่ผ่านมาได้เห็นราคาหุ้นขึ้นไปป้วนเปี้ยนแถว 115 บาทกันมาแล้ว เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 99 บาท บวกไป 4.25 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท มันใช่โอกาสของการลงทุนอ๊ะป่าว?
*เช่นเดียวกับในรายของเถ้าแก่น้อย TKN ก็สบช่องได้โอกาสโตรอบใหม่อย่างจริงจังเสียที เพราะลูกค้าหลักที่ช่วยปั๊มยอดขายก็คือ “นักท่องเที่ยวจีน” จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสตอรี่ที่ทำให้หุ้นตัวนี้กลับมามีสีสัน “โมนิก้า” จึงรู้สึกตื่นเต้นที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.40 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 335 ล้านบาท เพราะเป็นการทำราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี 3 เดือนแบบชิล ๆ เจ้าค่ะ
*เม้าท์ถึงหุ้นสตอรี่สวยขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้นสุดเลิฟอย่าง EA กันสักหน่อย เพราะการเข้าไปพบกับ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกฯ มาเลเซีย เพื่อผสานความร่วมมือในการยกระดับธุรกิจ “อีวี” ซึ่งมีมูลค่าลงทุนสูงถึง 3.80 หมื่นล้าน มันกลายเป็นเกมใหญ่ที่จะสร้างแวลูให้กับหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนเลยต้องถามนักเล่นมองราคาหุ้นที่ระดับ 92.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 773 ล้านบาท ถูกไปเมื่อเทียบกับสตอรี่ดังกล่าวไหมจ๊ะ
*ประเด็นการเติบโตข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงหุ้น AU ขึ้นมาทันที เพราะหุ้นขนมปังรายนี้ได้ประโยชน์เต็ม ๆ จากธุรกิจท่องเที่ยวที่กลับมาบูม แถมเมื่อจิตนาการไปถึงเรื่องเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจสะพัดครั้งใหญ่ ย่อมมีชื่อของหุ้นขนมปังรายนี้ติดโผน่าเล่น และเหตุนี้กระมังที่ทำให้ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี 9 เดือนแบบสบายเกือกนะออเจ้า
*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น PRAPAT ได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ จากธุรกิจโรงแรมในประเทศกลับมาเปิดเต็มตัว ขณะเดียวกันการรุกต่างประเทศทำได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน จึงกลายเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า ผลงานในไตรมาส 1 เด่นสุด ๆ และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ขาลุยเข้ามาไล่หุ้นอย่างคึกคัก ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1.87 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75 ล้านบาทไงล่ะคะ