ขายบิ๊กแคป! เก็บหุ้นกลาง-เล็ก
ดัชนี SET เมื่อวานนี้ขึ้นไปสูงสุด 1,691.35 จุด ในช่วงเวลา 15.00 น.แต่ ณ เวลา 15.20 น.ดัชนีกลับดิ่งลงเหมือน “ลงลิฟท์” และลงมายังจุดต่ำสุดที่ 1,679.99 จุด
ดัชนี SET เมื่อวานนี้ขึ้นไปสูงสุด 1,691.35 จุด ในช่วงเวลา 15.00 น.
แต่ ณ เวลา 15.20 น.
ดัชนีกลับดิ่งลงเหมือน “ลงลิฟท์” และลงมายังจุดต่ำสุดที่ 1,679.99 จุด
ก่อนจะค่อย ๆ ขยับขึ้นมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง
และมาปิดตลาด 1,684.86 จุด บวก 3.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย เบาบางกว่าทุกวันนับจากต้นปี หรือ 59,214 ล้านบาท
ดัชนีที่ยังไม่ผ่าน 1,700 จุด และมูลค่าการซื้อขายที่ต่ำสุดนับจากต้นปี
สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มที่จะเพลาการซื้อแล้วล่ะ
เหตุผล คือว่า หุ้นขนาดใหญ่ หรือบิ๊กแคป ราคาได้ปรับขึ้นมาค่อนข้างสูงแล้ว ทั้งในกลุ่มค้าปลีก สื่อสาร ธนาคาร และโรงไฟฟ้า หรือหุ้นตัวอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับทางด้านการท่องเที่ยว
หุ้น AOT จะเห็นว่า เริ่มค่อย ๆ ถูกขายทำกำไรออกมา
นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุน (ต่างชาติและไทย) เริ่มปรับพอร์ต
ทำให้หุ้น AOT ราคาปรับลงมาในช่วง 6 วัน (ทำการ) นั้น เป็นการปิดลบ 5 วันและไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน
หรือจากระดับ 75.50 บาท (6 ม.ค. 66) มาอยู่ที่ 73.25 บาท เมื่อวานนี้
การลงของหุ้น AOT เฉลี่ยต่อวัน ไม่ได้เป็นการทิ้งแบบถูกสาดออก แต่เป็นลักษณะค่อย ๆ “ปล่อยออก”
ซึ่งเป็นกลยุทธ์ขายทำกำไรของพวกกองทุน
CPALL ราคาหุ้นถูกกระชากขึ้นมาในช่วงเช้า เพื่อให้รายย่อยตาม
พอเปิดตลาดในช่วงภาคบ่าย ก็เริ่มปรับพอร์ตขายทำกำไร ทำให้ราคาปิดวานนี้ลงมาอยู่ที่ 67.75 บาท (-0.50 บาท)
หุ้นซีพีออลล์ ในช่วง 5 วัน (ทำการ) ราคาปิดลบ 4 วัน และไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน
ประเด็นที่น่าสนใจคือ จะพบว่า กราฟของทั้ง AOT และ CPALL ในช่วงของการย่อตัวลงมานั้น
มีความคล้ายกันอย่างมาก คือ ค่อย ๆ ย่อตัวลงมา
ปิดตลาดลบเฉลี่ยต่อวันเพียงแต่ 1-2 ช่อง เท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตกใจ สร้างเกมล่อหลอกระหว่างวัน ว่าหุ้นกำลังฟื้น หรือกำลังจะวิ่งขึ้น
สุดท้ายคือ การถูกนำไปปล่อยบนดอยนั่นแหละ
CRC ราคาหุ้นหลังถูกพาขึ้นไปทำนิวไฮ 48.00 บาท เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 66
หลังจากนั้น ค่อย ๆ ถูกขายออกมาเช่นกัน
เพียงแต่ว่า รูปแบบของการปล่อยหุ้นนั้นจะต่างกับทั้ง AOT และ CRC
นั่นคือ วันที่ปิดในแดนบวก จะบวกเพียง 1-2 ช่องเท่านั้น
ส่วนวันที่ราคาปรับลง จะร่วงลงถึง 4-6 ช่อง ซึ่งหากดูจากกราฟ จะเห็นว่า ราคาหุ้นย่อตัวลงชัดเจน
CRC มีแนวรับสำคัญคือ 43.00 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดของเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.)
หากหลุดจาก 43.00 บาท จะมีแนวรับถัดไป 43.00–42.75 บาท
และแนวรับสำคัญถัดจากนั้นจะอยู่ที่ 40.00 บาท
BH และ BDMS ถูกขายทำกำไรออกมาด้วยเช่นกันในช่วง 3-4 วัน (ทำการ) ที่ผ่านมา
ดูจากกราฟแล้ว หุ้นโรงพยาบาลสองแห่งนี้ น่าจะยังลงได้อีก เพิ่งเริ่มถูกขายออกมา ส่วนราคาจะลงมาเท่าไหร่ บริเวณไหนนั้น ต้องดูสัญญาณเทคนิคดี ๆ
BDMS น่าจะซัก 29.00 บาท แนวรับแรก
ส่วน BH อาจจะอยู่บริเวณ 206–203 บาท
หากเห็นระหว่างวัน เช่นเปิดเช้ามาแล้วราคากระโดด อย่าเผลอตามนะ มีโอกาสชมดอยสูงมาก ๆ
มาถึง MINT กันสักหน่อย
ราคาหุ้นหลังปิดแดนบวกมาต่อเนื่องหลายวัน หลายสัปดาห์
เมื่อวานนี้เริ่มเห็นสัญญาณการขาย
แม้จะปรับลงมาไม่มาก หรือ 0.25 บาท เท่านั้น
แต่วันก่อนหน้านี้ ราคาหุ้นขึ้นไปชนแนวต้านใหญ่ 34.25–34.50 บาท อยู่ 3-4 วัน แล้วไม่ผ่าน
ราคาหุ้นมีแนวรับ 33.50 บาท และ 32.50–32.00 บาท
แม้ว่าหุ้นใหญ่ที่ถูกเทขายทำกำไรออกมา
แต่ดัชนีกลับไม่ได้ปรับลงมาก และบางวันยังปิดแดนบวกได้อีก
นั่นเพราะมีการเข้าไปเก็บหุ้นแถวสองแถวสาม
หรือหุ้นขนาดกลางและเล็ก
จะเห็นได้ว่าเมื่อวานนี้หุ้นในตลาด mai วิ่งกันคึกคักมาก ๆ