หุ้นที่ชอบ..ตัวที่ใช่
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ยังอยากเม้าท์ถึง “หุ้นกลาง หุ้นเล็ก” เพื่อเสนอเป็นข้อมูลให้แฟนคลับใช้ประกอบการลงทุน
วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ยังอยากเม้าท์ถึง “หุ้นกลาง หุ้นเล็ก” เพื่อเสนอเป็นข้อมูลให้แฟนคลับใช้ประกอบการลงทุน เพราะสิ่งที่เห็นตั้งแต่เปิดปีใหม่ที่ขึ้นมาพบว่า หุ้นหลายตัวมีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตเยอะแยะไปหมด และเมื่อถอดรหัสออกมาเป็นตัวเลข เพื่อใช้ประเมินแวลูที่เหมาะสมเบื้องต้น ก็ทำให้หุ้นเหล่านั้นโดนใจนักลงทุนสายคุณค่าอย่างแรง จึงกลายเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนกระดี๊กระด๊ามากเป็นพิเศษจ้า
ประกอบกับดัชนีก็อยู่ในช่วงของการคลำทางขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,700 จุด จึงเปิดโอกาสให้หุ้นกลางเล็กโชว์แสงกันอย่างเต็มที่ “โมนิก้า” เลยไม่อยากพลาดโอกาสทองสำหรับการเม้าท์แตกเรื่องดี ๆ เพราะการเล่นหุ้นในช่วงไตรมาส 1 ปี 66 จะเน้นไปที่เรื่องกำไรมาตามนัดไหม? และยังเรื่องของการต่อยอดจากธุรกิจเดิมเพื่อสร้างการเติบโตให้เป็นแบบ New S-Curve หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “หน่วยธุรกิจใหม่” นะจะบอกให้
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องวอรี่กับการแกว่งตัวของดัชนีมากเกินไป เพราะดัชนีต้องอยู่ในช่วงของการย่ำฐานอีกพักใหญ่ และเรื่องนี้ก็เห็นได้จากดัชนีพุ่งพรวดขึ้นไป 10 จุด แต่หลังจากนั้นไหลลงมาเรื่อย ๆ จนลงมายืนปิดที่ระดับ 1,684.86 จุด บวกไป 3.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.92 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่นิ่ง จึงพร้อมที่จะสละเรือได้ทุกเมื่อไงล่ะคะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับเทียบเคียงจากหุ้น SKY ที่หายจากพิษไข้โควิดปุ๊บ ราคาหุ้นก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดทันที ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 17.30 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 8.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 312 ล้านบาท ล้วนมาจากความคาดหวังกำไรปี 66 น่าจะดีกว่ากำไรในปี 62 (ตอนนั้นเป็นปีที่พีก) และความเชื่อดังกล่าวก็มาจากค่าต๋งในการเป็นผู้ให้บริการภาคพื้นดินในส่วนต่าง ๆ จึงกลายเป็นเกมที่ได้ลุ้นกันยาวพะยะค่ะ
ส่วนในรายของ MOSHI ก็มีเรื่องราวที่คล้ายกับรายข้างต้น และทั้งหมดทั้งมวลก็เกี่ยวข้องกับกำลังซื้อเพิ่ม และการที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นทะยานขึ้นมาทำ all time high ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 43.25 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 240 ล้านบาท เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอื้ออำนวยให้ราคาหุ้นไปต่อนะเจ้านาย
เรื่องราวข้างต้นที่เกิดขึ้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองหุ้น KAMART เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับขาลุย โดยเฉพาะคนที่มองเรื่องเงินสะพัดกลายเป็นแรงขับเคลื่อนกำไรปี 66 โตขึ้น น่าจะเริ่มประเมินการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 8.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 124 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 25 เท่าเป็นระดับที่ยังมีแก๊ปให้หุ้นไปต่อแบบสบาย ๆ เยอะขนาดไหน?..คิดซิ..คิดซิ
เหมือนกับในรายของ TEGH ก็มีประเด็นเกี่ยวกับปีนี้จะกลับมาโตอีกครั้ง ก็เป็นแรงหนุนที่ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 4.98 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 301 ล้านบาท แบบมีลุ้นยาว ๆ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ “โมนิก้า” อยากจะเอ่ยถึงลำดับต้น ๆ เพราะเมื่อดูจากการเทรดบนค่า PE 7.80 เท่า มันทำให้รู้ว่า หุ้นยังมีโอกาสไปต่อได้อีกเยอะ..แต่ขึ้นอยู่กับตลาดจะอินกับเรื่องนี้ขนาดไหนจ้า!
ส่วนรายที่อินแน่นอน และยังมีแก๊ปไปต่อ “โมนิก้า” ขอชี้เป้าไปยังหุ้นเทคตัวแรงของตลาด เอ็ม เอ ไอย่างหุ้น BE8 แบบไม่ลังเลใจ เพราะเมื่อดูจากเป้ารายได้ที่ 65 อยู่ในระดับพันล้าน ขณะที่ปี 66 วางรายได้ในระดับสองพันล้าน และในอีก 3 ปีรายได้จะขึ้นไปแตะระดับห้าพันล้าน โดยความสามารถในการทำกำไรจะอยู่ราว 15% ย่อมทำให้เห็นว่า การยืนปิดที่ระดับ 64 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท มีแก๊ปให้ไปต่อเจ้าค่ะ
ปิดกันที่หุ้นร้อนอย่าง TMC กันสักหน่อย! เพราะการกลับมาของ “เฮียณัฏ” สามารถเรียกกองทุนท้าตายได้มากโข แถมมีการโยนบิ๊กล็อต 90 ล้านหุ้น หรือราว 20% แบบนี้..ทางเกมหุ้นเข้าถือว่า ดีลเปลี่ยนหัวจบ! ราคาหุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.60 บาท บวกไป 0.82 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 389 ล้านบาท แต่ถึงกระนั้นก็อยากให้ระวังกันด้วย หลังสตอรี่ที่ดันหุ้นมันหมดแล้วน่ะซี