สายแข็งมาแรง

ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงมากสุดยังเป็นหุ้นเล็กเหมือนเดิม เพราะเป็นหุ้นที่ “เคาะขวา เคาะซ้าย” กันอย่างเมามัน


ประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงมากสุดยังเป็นหุ้นเล็กเหมือนเดิม เพราะเป็นหุ้นที่ “เคาะขวา เคาะซ้าย” กันอย่างเมามัน ขณะที่สถานการณ์ของหุ้นใหญ่ล้วนตกอยู่ในสภาพคอหักกันเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องให้พื้นที่กับหุ้นใหญ่มากนัก และเอาเวลาที่มีไปเม้าท์ถึงหุ้นตัวกลางตัวเล็กที่มีแรงซื้อไหลกลับเข้ามาดีกว่า ผนวกกับเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้นแรงอีกครั้ง จึงเป็นโอกาสของการเล่นตามน้ำพะย่ะค่ะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,685.44 จุด บวกไป 4.40 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.13 หมื่นล้านบาท ย่อมไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพราะในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงเข้าใจเหตุผลที่ดัชนียังยืนอยู่ใต้ระดับ 1,700 จุด เพราะมันไม่มีมุมให้ดัชนีทะยานขึ้นไปเลยจริง ๆ เลยไม่มีเรี่ยวแรงที่จะฝ่าขึ้นไปอย่างแข็งแกร่งไงล่ะคะ

เหมือนกับการไหลลงของหุ้น EA เป็นเวลาร่วมสามสัปดาห์ ก็เป็นการขายทำกำไร และลดพอร์ตธรรมดา ๆ เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า แวลูของหุ้นอยู่ในระดับร้อยอัพ แต่วานนี้ราคาหุ้นกลับลงมาปิดที่ระดับ 87.75 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท กลายเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเรียนรู้ว่า หุ้นก็มีรอบขึ้นลงของมันเองเสมอ ซึ่งขึ้นอยู่กับนักเล่นมองการลงมาระดับนี้น่าเล่นไหม?

คล้ายกับการโรยตัวของเจ้าแม่นิคมฯ WHA ก็โดนรินขายออกมาเรื่อย ๆ ทั้งที่มีสตอรี่ขายที่ดินปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2 พันไร่เป็นตัวค้ำยันมาตลอด แต่วันนี้กลับเสื่อมมนต์ขลังไปดื้อ ๆ “โมนิก้า” จึงมองเป็นเรื่องจังหวะของการขายทำกำไรธรรมดา ๆ เพราะการลงมายืนปิดที่ระดับ 3.84 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 813 ล้านบาท มันบอกเป็นนัยให้รู้ว่า ไม่กล้าสวนแบบสุดซอยจ้า!

ส่วนรายที่เริ่มสวน และสวนหนักขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น SABUY เพราะการขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 12.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 341 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งซิกให้รู้ว่า แผนการโตดับเบิลมาตามนัดอย่างแน่นอน บรรดานกรู้ถึงไล่ราคาหุ้นแล้วเขย่าเป็นระยะ เดี๊ยนจึงอยากให้ขาลุยประเมินว่า หุ้นตัวนี้ควรอยู่ในสายแข็งที่เข้าชิงตำแหน่งตัวท็อปของตลาดอ๊ะป่าว?

เช่นเดียวกับในรายของ KAMART ซึ่งเดี๊ยนได้เกริ่นนำไปก่อนหน้านี้ ก็อยู่ในลิสต์สายแข็งมาแรงด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อดูจากผลงานที่ดีขึ้นเป็นลำดับ และสตอรี่เปิดประเทศเป็นตัวบิ้วกำไร เลยไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิด 8.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 166 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 5 ปี 2 เดือน เพราะบรรยากาศมันเอื้อให้เล่นต่อเหลือเกินจ้า!

ในเมื่อบรรยากาศมันดีขึ้นเหลือหลาย และผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น “โมนิก้า” ก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงหุ้นโรงหนังอย่าง MAJOR เป็นตัวถัดมา เพราะเมื่อดูจากหนังฟอร์มยักษ์ที่จะเข้าฉายในช่วงครึ่งปีแรก 66 มีมากถึง 5 เรื่อง ก็อนุมานกำไรปีนี้น่าจะออกมาดีเหลือหลาย และการที่หุ้นขึ้นมาปิด 18.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 215 ล้านบาท จึงทำให้เชื่อว่า หุ้นจะวิ่งกลับไปหายอดเดิมที่บริเวณ 22 บาทอีกครั้งเจ้าค่ะ

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงหุ้นที่คัมแบ็คขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงหุ้น STARK กันสักหน่อย เพราะเมื่อประเมินแวลูของหุ้นแบบคร่าว ๆ พร้อมกับใส่การไดลูทลงไปแบบเต็มเหนี่ยว มองจากมุมไหน ด้านไหน มันทำให้เชื่อว่า อย่างแย่สุดหุ้นก็ควรอยู่แถว 4 บาท และเมื่อนำมาเทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 2.78 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 205 ล้านบาท จึงกลายเป็นช็อตที่ไม่ควรมองข้าม!…จริงหรือไม่ ลองถาม นวค. ดูสิคะ

ส่วนประเด็นที่ไม่ต้องถามใครทั้งสิ้น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นบันเทิงเริงรมย์อย่าง JKN เพราะของมันเห็นกันชัด ตั้งแต่ออกเครื่องมือทางการเงินเยอะแยะ แต่สุดท้ายหนี้สินท่วมหัวก็ไม่ลดลงสักที จึงกลายเป็นเกมเสี่ยงที่ทุกคนดูออกกันทั้งนั้น! ผนวกกับในตลาดหุ้นเคยมีกรณีตัวอย่างจากการทำแผนการเงินลักษณะนี้มาเยอะแยะ แต่สุดท้ายก็ตายเรียบไม่เหลือหลอแบบนี้..ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า..อิอิอิ

Back to top button